CITY CRACKER

Netflix and (not) chill รับรู้และเข้าใจภัยพิบัติผ่าน 8 หนังภัยธรรมชาติ

ช่วงนี้พายุเข้า ถ้าไม่จำเป็นต้องออกไปไหน จะมีอะไรดีไปกว่าการนอนดูเน็ตฟลิกซ์ฟังสายฝน

ภัยธรรมชาติถือเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์และวัฒนธรรมของพวกอย่างลึกซึ้งและรุนแรง บางครั้งภัยธรรมชาติอาจเป็นเครื่องหมายว่าเราเป็นเพียงแค่มนุษย์ตัวน้อยๆ ความเกรียงไกรที่เราภูมิใจและพยายามเอาชนะธรรมชาติอาจเป็นไปได้ยาก

ท่ามกลางพายุฝน และสภาพภูมิอากาศโลกทีกำลังเปลี่ยนไป เรากำลังเจอกับพายุที่รุนแรงขึ้น ภัยธรรมชาติที่เกิดถี่มากขึ้น ในบรรยากาศลมกรรโชกแบบนี้ ไหนๆ เราจะนอนอยู่บ้านดูเน็ตฟลิกซ์กันแล้ว ตอนนี้อาจเป็นโอกาสดีที่เราจะได้หยิบหนังที่มีภัยธรรมชาติเป็นแกนกลางของเรื่องมาดูให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศ ประสบการณ์ภัยธรรมชาติจำลองอาจทำให้เราเข้าใจความสำคัญของธรรมชาติ ไปจนถึงได้รับรู้และเรียนรู้ว่าเอ้อ อีกหน่อยเรื่องราวในหนังอาจไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

City  Cracker ชวนดูหนังภัยธรรมชาติ 8 เรื่องจากเน็ตฟลิกซ์ ตั้งแต่การเผชิญหน้ากับพายุที่เปลี่ยนตัวตนของเรา เรื่องราวของโลกหลังยุคน้ำแข็ง การรับมือและความสูญเสียจากสึนามิ สารคดีว่าด้วยการใช้ชีวิตในพื้นที่เสี่ยงภัย ไปจนถึงบันทึกเรื่องราวหายนะที่เกิดจากภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบต่อสรรพสัตว์และน้ำแข็งขั้วโลก หรือการล่มสลายของอารยธรรมโบราณจากภูเขาไฟระเบิดในปอมเปอี

 

Into the Storm (2014)

ส่วนใหญ่หนังภัยพิบัติมักว่าด้วยซอมบี้ บ้างก็สงครามชีวภาพ ซอมบี้บุกโลกบ้าง ส่วนเรื่องราวว่าด้วยพลังทำลายล้างของพายุมีไม่มากนัก Into the Storm ว่าด้วยพายุทอร์นาโดลูกยักษ์ที่พัดถล่มเข้าสู่เมือง Silverton ในรัฐโคโลราโดของสหรัฐ ตัวเรื่องพูดถึงการเผชิญหน้ารับมือกับพายุที่สามารถกวาดทั้งเมืองให้ราบได้ในพริบตา รวมถึงกลุ่มนักล่าพายุที่ต้องการฝ่าเข้าไปยังใจกลางหรือตาของพายุใหญ่ เทคนิกการตัดต่อและถ่ายทำในเรื่องใช้ทั้งเทคนิกการถ่ายแบบโฮมวิดิโอ เป็นการถือกล้องด้วยมือและมีการตัดชื่อตัวละครประกอบคล้ายกับสารคดี ด้วยเทคนิกทางภาพยนตร์นี้จึงทำให้เราเหมือนเข้าไปร่วมรับรู้พลังของพายุที่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์จริง

 

The Day After Tomorrow (2004)

มนุษย์เรามักมีจินตนาการถึงจุดจบของโลก ช่วงราวๆ หลังปี 2000 โลกเริ่มตระหนักถึงผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์ที่อาจส่งผลกับโลกในภาพรวม และอาจนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศอย่างรุนแรงจนกระทั่งโลกใบนี้ถึงกัลปาวสานได้ The Day After Tomorrow ถือเป็นหนึ่งในหนังระดับไอคอนที่ใช้ CG และเทคนิกต่างๆ พังเมืองใหญ่ทั่วโลกลงได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ดูเหมือนว่าหลายสิบปีต่อมานับจากความตื่นตัวและข้อสังเกตว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศตั้งแต่ช่วงปี 2000 จนถึงทุกวันนี้ เราเองก็ปล่อยให้สถานการณ์ต่างๆ เลวร้ายลง ไม่แน่จินตนาการของจุดสิ้นสุดโลกที่เราเคยคิดว่าไกลและเห็นได้แต่ในหนัง เราอาจเห็นด้วยตาของเราในอีกไม่นาน

 

Pandora (2016)

มาที่หนังเกาหลีกันบ้าง Pandora จากชื่อหมายถึงกล่องต้องห้ามของนางแพนดอร่าจากปกรณัมกรีกเก่าแก่ ตัวเรื่องเล่าถึงเมืองเล็กๆ ที่มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อยู่จนกระทั่งวันหนึ่ง เมืองเล็กๆ แห่งนี้เกิดแผ่นดินไหวจนเตาปฏิกรณ์ระเบิดเหมือนกับกล่องแพนดอร่าที่เปิดออก แกนสำคัญหนึ่งของเรื่องคือการแสดงให้เห็นภาพเกาหลีในยุคสร้างชาติและจังหวะการพัฒนาที่สะดุดจากภัยธรรมชาติ Pandora เป็นหนังจากผู้กำกับ Train to Busan ดังนั้นฝีมือในแง่ศิลปะภาพยนตร์และการส่งอารมณ์ความรู้สึก ความรักและการช่วยเหลือเกื้อกูลในภาวะสุดขั้วจึงค่อนข้างอยู่ในมาตราฐานเดียวกัน

 

Pompeii (2014)

ปอมเปอี เป็นหนึ่งในตำนานเล่าขานที่เราเคยได้ยิน ดินแดนโบราณที่เคยเกรียงไกรแต่กลับล่มสลายภายในพริบตาจากภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ หนังเรื่อง Pompeii ออกฉายในปี 2014 มีจอน สโนว์หรือคิต แฮริงตัน เป็นพระเอก ตัวเรื่องว่าด้วยฉากอารยธรรมล่มสลาย เรื่องราวการช่วยเหลือและความรัก เรื่องนี้นอกจากความสนุกแบบตำนานคลาสสิกของทาสหนุ่มสู่การเป็นนักรบและวีรบุรุษช่วยชีวิตคนที่รักท่ามกลางภัยพิบัติ เราก็จะได้เห็นภาพภูเขาไฟปะทุ ความเกรียงไกรของมนุษย์ที่ถูกทุบทำลายลงอย่างง่ายดาย

 

The Impossible (2012)

เหตุการณ์สึนามิถล่มภูเก็ตและหลายพื้นที่ในจัดหวัดภาคใต้ของไทยปี 2004 เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ไทยและโลกจดจำว่าเป็นหนึ่งในภัยธรรมชาติและความสูญเสียรุนแรงที่เราเผชิญ The Impossible เป็นหนังจากสเปนที่หยิบเอาเหตุการณ์สึนามิในไทยกลับมาเล่าใหม่อีกครั้งผ่านเรื่องราวการดิ้นรนและการสูญเสียของครอบครัวในโศกนาฏกรรมสำคัญในครั้งนั้น ตัวหนังด้วยความที่ไม่ใช่หนังฮอลีวูด จึงไม่ได้มีการเจือสีหรือเน้นจังหวะเข้มข้น ซับซ้อนหรือดราม่าจัดเท่ากับหนังจากทางสหรัฐ แต่ตัวหนังจะเน้นความเรียบง่าย ถ่ายทอดเรื่องราว อารมณ์ความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา มีความเข้มข้นและสมจริงสมจังจากเรื่องราวของตัวเหตุการณ์เอง

 

72 Dangerous Places to Live (2016)

72 Dangerous Places to Live เป็นสารคดีที่พาไปดูการดิ้นรนและใช้ชีวิตของผู้คนที่ต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่อันตรายในระดับที่ไม่น่าจะอยู่ไหว ตั้งแต่การอาศัยอยู่ใต้ฝุ่นควันในจีน ชุมชนริมแม่น้ำที่ปนเปื้อนมากที่สุดของในอินโดนีเซีย การใช้ชีวิตอยู่กับภูเขาของชาวชวา หรือกระทั่งเมืองในเวเนซูเอล่าที่เกิดฟ้าผ่าบ่อยครั้ง หลายพื้นที่คือหายนะที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ และพื้นที่ที่เราเรียกว่าบ้าน บ้านที่ควรจะอบอุ่นปลอดภัยแต่กลับตั้งอยู่บนเงื่อนไขของความเสี่ยงและเอาชีวิตเข้าแลก

 

Our Planet (2019)

Our Planet เป็นสารคดีใหม่ ที่นอกจากจะเน้นภาพและสไตล์การถ่ายทำแบบสารคดีสำรวจโลกที่เราคุ้นเคยแล้ว ประเด็นสำคัญของ Our Planet คือสภาพ ณ ปัจจุบันของพื้นที่และสรรพสัตว์ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาวะโลกร้อน หลังจากสารคดีนี้ได้รับการปล่อยฉายทางเน็ตฟลิกซ์ไม่นาน เราก็ได้เห็นภาพน่าสะเทือนใจมากมายของเหล่าสัตว์น้อยใหญ่โดยเฉพาะในพื้นที่แถบขั้วโลกที่ภูมิประเทศ ภูมิอากาศและระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไปจนเกิดเป็นภาพที่ทั้งงดงามและสะเทือนใจ

 

The Polar Sea (2016)

น้ำแข็งขั้วโลกละลายเป็นอีกหนึ่งหลักฐานสำคัญของอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น การละลายของขั้วโลกส่งผลทั้งกับสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นและอาจส่งผลกับสมดุลของน้ำและภูมิอากาศในระดับภาพใหญ่ของโลก The Polar Sea เป็นสารคดีที่พาเราไปล่องเรือข้ามมหาสมุทรอาร์กติก เป็นการผจญภัยเล็กๆ ที่มีฉากอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ และการทำลายล้างของมนุษย์ที่ส่งผลอย่างลึกซึ้งและรุนแรงกับโลกใบกลมๆ ที่ในที่สุดผลกระทบต่อธรรมชาติ ย่อมตีกลับเข้าสู่ตัวเราเสมอ ในสารคดีเรื่องนี้เองก็เช่นกัน

 

Chasing Coral (2017)

Chasing Coral เป็นอีกหนึ่งสารคดีชิ้นเยี่ยมทั้งประเด็นและงานภาพที่สวยงาม แถมฟาดเราแรงๆ ด้วยภาพและข้อมูลจนทำให้เราตื่น ประเด็นของสารคดีเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เราได้ยินบ่อยๆ จนชินชาว่าเออ แนวปะการังเป็นทรัพยากรทางทะเลที่สำคัญนะ เป็นแหล่งอนุบาล แหล่งอาหาร แถมยังสวยงามอีก แต่แนวปะการังเหล่านี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนไหวกับความเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงเชิงภูมิอากาศที่เราสร้างขึ้นนี้กำลังทำให้แนวปะการังสำคัญตายลงอย่างรวดเร็ว

สารคดีเรื่องนี้จะพาเราไปเป็นสักขีพยานของหายนะจากน้ำมือของเราไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม เห็นภาพแนวปะการังที่นอกจากจะฟอกขาวและแห้งตายแล้ว ยังเกิดภาวะเรืองแสง เป็นภาพการเปลี่ยนสีที่ดูเหนือจริงที่ทั้งงดงามและน่ากลัวไปในเวลาเดียวกัน สารคดีเรื่องนี้ได้รับรางวัลจากเทศกาลหนัง Sundance หนึ่งในเทศกาลภาพยนตร์ระดับแนวหน้าของโลก และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเพื่อกู้แนวปะการังที่เป็นรูปธรรม

 

Illustration by Thitaporn Waiudomwut

 

 

Share :