นึกภาพการไปในสวนสาธารณะ และในสวนมีเสียงดนตรี มีกิจกรรมต่างๆ ที่ชวนให้รื่นรมย์ เราได้เห็นแล้วว่าการเล่นดนตรี เต้นรำในสวนได้สร้างชีวิตให้เมืองและผู้คนได้มากแค่ไหน ในแง่ของสถาปัตยกรรม สวนสาธารณะเองดูจะมีดนตรีเป็นองค์ประกอบมาตั้งแต่ยุคสร้างสวนสาธารณะ และเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่พักผ่อนใหม่ๆ ในยุควิคตอเรียนเป็นต้นมา
ในการออกแบบภูมิทัศน์ของสวนมักจะมีสิ่งที่เรียกว่า Bandstand นึกภาพสวนสวยเก่าแก่ โดยเฉพาะสวนอังกฤษที่นอกจากจะมีสนามและพืชพรรณแล้ว ยังมักมีอาคารเล็กๆ เป็นศูนย์กลางที่ไม่ใช่แค่ศูนย์กลางในแง่สถาปัตยกรรม แต่ยังเป็นศูนย์กลางของกิจกรรม ของการแสดงดนตรีและสันทนาการ แปลว่าสวนตั้งแต่สมัยไหนต่างก็ทำหน้าที่สร้างความรื่นรมย์ และมีเสียงดนตรีเป็นส่วนประกอบของชีวิตในเมือง โดยนอกจากอังกฤษแล้วสกอตแลนด์ก็มีการสร้างศาลาจิ๋วนี้ โดยส่วนหนึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อร่วมแก้ปัญหาสังคม
เจ้าศาลาดนตรีหรือศาลาน้อยในสวนถือเป็นมรดกทางภูมิสถาปัตยกรรม เป็นส่วนหนึ่งของสวนแบบอังกฤษที่เมื่อเมืองเริ่มสร้าง หรือปรับสวนส่วนบุคคลออกเป็นสวนสาธารณะ ฟังก์ชันหรือการมีอยู่ศาลาดนตรีก็สัมพันธ์ทั้งบริบททางประวัติศาสตร์ รวมถึงความคิดเรื่องความสำคัญและหน้าที่ของสวนสาธารณะที่มีมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 แต่ว่าปัจจุบันเราอาจจะเห็นว่าสวนสาธารณะส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยมีศาลาอันวิจิตรนี้เท่าไหร่แล้ว ส่วนหนึ่งศาลาน้อยได้รับความนิยมในสวนสาธารณะแถวสหราชอาณาจักรในทศวรรษ 1890 และค่อยๆ เสื่อมความนิยมลงในช่วงทศวรรษ 1980 เนื่องด้วยราคาค่าก่อสร้างและการดูแลรักษาที่สูงได้รับผลกระทบการสงครามโลก
เบื้องต้น ศาลาดนตรีในสวนเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตหรูหราของชาวอังกฤษ ซึ่งส่งผลต่อเนื่องมาสู่แนวคิดการออกแบบและใช้งานสวนสาธารณะในเมืองในเวลาต่อมา ในสวนเก่าแก่และสำคัญส่วนใหญ่ของอังกฤษมักจะมีศาลาน้อยเป็นส่วนประกอบสำคัญอยู่เสมอ หนึ่งในศาลาน้อยที่เก่าแก่ที่สุดคือศาลาน้อยที่สวนเคนซิงตัน สร้างขึ้นในปี 1869 ก่อนจะย้ายไปไว้ที่สวนไฮด์ปาร์กในปี 1886
ถ้าเราสืบสาวกลับไปกว่านั้น ศาลาน้อยแห่งแรกของอังกฤษยังสัมพันธ์กับวิทยาการและการก้าวเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยระบุว่าศาลาน้อยแห่งแรกนั้นสร้างขึ้นในสวนของราชสมาคมพฤกษศาสตร์ในเซาธ์เคนซิงตัน ในพื้นที่ของความรู้และการเก็บรวบรวมพืชพรรณของจักรวรรดินั้น เจ้าศาลาน้อยก็นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาการ
ตัวศาลาสร้างขึ้นด้วยโครงเหล็กที่ดูบอบบางแต่แข็งแรงสะท้อนถึงเทคโนโลยีเหล็กกล้า ด้วยการก้าวเข้าสู่ยุคเหล็กกล้าที่อังกฤษสามารถผลิตเหล็กได้ ประกอบกับกระแสที่รัฐมองเห็นว่าสวนเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาพื้นที่ และชีวิตอันแห้งแล้งและปกคลุมไปด้วยฝุ่นควัน (ลอนดอนและเมืองใหญ่เคยเจอปัญหาฝุ่นจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาตั้งแต่ยุคแรกๆ) สวนที่ต้องการจุดศูนย์กลางที่สร้างขึ้นตามการเติบโตและความต้องการของเมือง ก็เลยมีศาลาแสดงดนตรีเป็นศูนย์กลางของสวนอังกฤษและประเทศในเครือจักรภพ
นอกจากนี้เจ้าศาลาในสวนพฤกศาสตร์ยังสัมพันธ์กับการหลงใหลในบูรพคดีศึกษา หนึ่งในกระแสของลักษณะทางสถาปัตยกรรมของศาลาน้อยคือการใส่ลักษณะแบบตะวันออกลงไป เช่น บางศาลาน้อยมีลักษณะเหมือนเก๋งจีน บ้างก็ออกแบบเป็นเหมือนวัดของพวกแขกมัวร์ หรือบางแห่งก็ทำให้มีลักษณะแปลกประหลาดเหมือนมาจากนิยายไซไฟ
ในระดับความคิด การพัฒนาสวนรวมถึงพื้นที่สาธารณะและพื้นที่เปิดโล่งของประเทศแถบอังกฤษในยุคนั้น การพัฒนาว่าด้วยความศิวิไลซ์และการใช้สวนในฐานะพื้นที่แห่งการเยียวยารักษา โดยนอกจากสวนจะทำหน้าที่เป็นพื้นที่ที่ให้ความรื่นรมย์และเป็นที่รวมตัวของผู้คน ในการรวมตัวสมัยก่อนอาจจะยังไม่มีแนวคิดเรื่องการออกกำลังกายเหมือนการไปสวนร่วมสมัย แต่คนเมืองไปสวนเพื่อพักผ่อน ศาลาดนตรีจึงเป็นพื้นที่รวมตัวสำคัญสำหรับการฟังดนตรีและดูละครในยุคนั้น
ในแง่ความนิยมของศาลาดนตรีในสวนนั้นถือว่าเป็นที่นิยมใช้ได้ หนังสือพิมพ์ในทศวรรษ 1890 รายงานว่าในศาลาน้อยนั้นจะมีการแสดงดนตรีสามครั้งต่อสัปดาห์ ในช่วงวันสำคัญมีบันทึกว่าบางสวนมีผู้คนเข้าไปรวมตัวเพื่อฟังดนตรีถึงหนึ่งหมื่นคน มีบทความในหนังสือพิมพ์ในปี 1937 บันทึกการไปฟังดนตรีที่สวนสรุปความได้ว่า ‘แม้ว่าจะไปถึงสวนตามเวลา แต่เมื่อไปถึงแล้วจะหาที่นั่งลงนั้นก็ทำได้ยากได้ สุดท้ายจึงต้องใช้วิธียืนพิงต้นไม้ ผู้คนนั่งอยู่บนม้านั่ง บนราว พิงอิงแอบกับร่มเงาและสนุกไปกับดนตรีร่วมกัน เด็กที่ไปไม่เล่นลูกบอลก็ร้องเพลงเล่นอย่างสนุกสนาน พวกผู้ใหญ่ที่ทั้งยืนและนั่งต่างก็ฟังดนตรีอย่างมีความสุข’ อ่านแล้วช่างน่าอิจฉาชีวิตชาวลอนดอนในศตวรรษที่ 18
ทั้งนี้เจ้าเก๋งหรือศาลาน้อยไม่ได้สัมพันธ์แค่กับชีวิตอันหรูหราของคนชั้นสูงเพียงอย่างเดียว แต่พื้นที่สวนสาธารณะยังถูกมองว่าเป็นพื้นที่ที่ช่วยแก้ปัญหา และเป็นพื้นที่ที่คิดเผื่อชนชั้นแรงงานที่เข้ามาทำงานในเมือง คือในยุควิคตอเรียนเราเกิดเมือง เกิดโรงงานอุตสาหกรรม บางส่วนของเมืองจึงเต็มไปด้วยคนที่เข้ามาทำอาชีพเป็นแรงงาน ในตอนนั้นนักพัฒนาก็มองว่าสวนจะต้องเป็นพื้นที่ที่ปลอบประโลมใจให้กับคนชั้นแรงงาน
ตอนนั้นไม่ได้มองเป็นเชิงบวกมาก แต่ในแง่การพัฒนามองว่าคนชั้นแรงงานไม่มีเวลา ไม่มีเวลาพักผ่อนและพบว่าคนชั้นแรงงานมักไปใช้เวลาในผับ (นวัตกรรมการหย่อนใจใหม่ที่มาพร้อมเมือง) การไปอยู่ในผับนำไปสู่ปัญหา เช่น การดื่มสุราและการทะเลาะวิวาท ดังนั้นแล้ว หน้าที่ของสวนจึงเป็นทั้งพื้นที่ดึงคนชั้นแรงงานให้ออกไปพักผอนในพื้นที่เปิดโล่ง เจ้าศาลาดนตรีเลยกลายเป็นจุดดึงดูดผู้คนหลักด้วยเสียงดนตรี ทั้งยังมองว่าดนตรีและละครเวทีมีหน้าที่สำคัญในการกล่อมเกลาจิตใจของผู้คนด้วย ยุคหนึ่งของอังกฤษและโดยเฉพาะในสกอตแลนด์จึงมีการสร้างศาลาดนตรีเพื่อการหย่อนใจเป็นหลัก และดึงคนชั้นแรงงานออกจากผับบาร์
อย่างที่เราอาจพอสังเกตได้ ศาลาดนตรีอาจไม่ใช่ฟีเจอร์ที่พบได้ทั่วไปในสวนสาธารณะสมัยใหม่ ส่วนหนึ่งตัวศาลานี้เป็นองค์ประกอบที่ค่อนข้างมีราคาแพง ถือว่าเป็นของฟุ่มเฟือยทั้งในการสร้าง บำรุงรักษา และการจัดแสดงดนตรีก็เต็มไปด้วยค่าใช้จ่าย ภายหลังที่อังกฤษ ศาลาทั้งหลายเช่นศาลาที่สวนไฮด์ปาร์กก็ถูกนิยามว่าเป็นศาลาที่เละเทะ จากที่เคยยิ่งใหญ่และเป็นส่วนประกอบสำคัญ
โดยผลกระทบสำคัญคือการมาถึงของสงครามโลกที่ทำให้โลหะและสินค้าต่างๆ แพงเกินกว่าจะจ่ายกับสิ่งที่ดูฟุ่มเฟือย ประกอบกับความบันเทิงที่ไปถึงบ้านของผู้คนมากขึ้น เช่น การเกิดขึ้นของโทรทัศน์และสถานีโทรทัศน์ ความนิยมของโรงภาพยนตร์ รวมถึงความเป็นชุมชนที่ค่อนข้างแน่นแฟ้นน้อยลง การมารวมตัวกันในสวนเพื่อพบปะฟังดนตรีจึงลดน้อย และทำให้ศาลาน้อยรวมถึงเสียงดนตรีในสวนเริ่มเงียบลง ปัจจุบันอังกฤษก็พยายามฟื้นฟูศาลาจำนวนมากในฐานะมรดกทางประวัติศาสตร์ เพื่อให้ศาลาเหล่านี้กลับมามีสภาพใช้การได้
สุดท้ายศาลาน้อยจึงเป็นอีกหนึ่งหลักฐานและความคิดที่แฝงและเป็นแกนของสวนสาธารณะ การใช้และบทบาทของสวนต่อชีวิตของผู้คน การมีสวนท่เต็มไปด้วยเสียงเพลง คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ร่วมร้อง ร่วมกันเต้นรำ เป็นที่ที่เราสนุกสนานและหัวเราะด้วยกัน สวนและเสียงเพลงจึงดูเป็นอีกพื้นที่ที่จะช่วยเยียวยาเมืองอันชืดชาให้เย็นชาน้อยลงได้บ้าง
อ้างอิงข้อมูลจาก
regentsparkmusicfestival.org.uk
Graphic Design by Warunya Rujeewong
- Vanat Putnark
Writer