“ดอยสุเทพเปลี่ยนสี ประเพณีเผาป่า ไปทางไหนก็แสบตา บะไหวละก้านครพิงค์”
เมื่อ 4 ปีก่อน เมืองเชียงใหม่ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 1 ของโลกจากชาว Digital Nomad ทั่วโลก ปัจจุบันเมืองเชียงใหม่ก็ยังคงครองอันดับ 1 ของโลกเช่นเดิม แต่เป็นการจัดอันดับเมืองที่มีค่าของฝุ่น PM2.5 มากที่สุดในโลกค่าของฝุ่น PM2.5 ในเชียงใหม่ได้พุ่งสูงขึ้นไปถึง 1,000 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และต้นตอการเกิดฝุ่นที่หลากหลายชีวิตได้รับผลกระทบนั้นคือ ไฟป่า
![](https://citycracker.co/wp-content/uploads/2020/04/111548509_581e69b8-6f6f-42bd-8cdb-dd542722f51d-1.jpg)
ปัญหาเรื่องไฟป่าก็ลุกลามและหนักมากขึ้นทุกปี “ตั้งแต่จำความได้ พอถึงฤดูร้อนกลิ่นควันก็ลอยมาพร้อมกลิ่นอายความร้อนเสมอ สาเหตุในอดีตเกิดจากควันรถ โรงงาน การเผาขยะ เผาพื้นที่การเกษตร และพื้นที่ป่าเพื่อหาของป่า เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ยังเกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่ปริมาณฝุ่นควันในอดีตกลับเทียบกับปัจจุบันไม่ได้เลย อาจด้วยการขยายตัวของเมืองและปัยจัยอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามา ปัญหามลพิษทางอากาศจึงเพิ่มไปด้วย แต่สาเหตุหลักในปัจจุบันและลุกลามมากขึ้นทุกปี นั้นคือ การเผาป่า แต่ก่อนเรามองไปยังเห็นภูเขา ต้นไม้ พระธาตุดอยสุเทพ นั้นคือจุดเด่นของเชียงใหม่ แต่ตอนนี้แม้แต่รถคันที่สามข้างหน้าเรายังแทบมองไม่เห็นเลย เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่มาก แต่แปลกที่เรื่องราวกลับเงียบ” คำบอกเล่าจาก ภัทรวรรณ ณ เชียงใหม่ ชาวเชียงใหม่โดยกำเนิด
![](https://citycracker.co/wp-content/uploads/2020/04/106005322_54278407_552469945242068_855397253018288128_n-1.jpg)
ป่ายอดดอยปุย จุดเริ่มต้นของไฟป่าที่ลุกลาม
ด้วยความที่ลักษณะภูมิประเทศของเชียงใหม่ เป็นเหมือนแอ่งกระทะ ที่อุดมไปด้วยป่าเขาลำเนาไพร และสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็นตลอดปี แต่เมื่อ ‘ไฟ’ มา กระทะที่เคยเย็นเฉียบก็กลับกลายเป็นกระทะทองแดงที่มีไฟร้อนแรงจนเผาทำลายพื้นที่ป่าไปแล้วกว่า 8,600 ไร่ อาสาสมัครดับไฟป่าที่ขึ้นปฏิบัติหน้าที่ทุกวันเล่าว่าปกติพอถึงฤดูเผาไหม้ จะมีการทำแนวกันไฟ แต่ครั้งนี้ยังทำไม่ทันครบจุดก็เกิดไฟป่าขึ้นแล้ว แถมครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในบริเวณที่ไม่ได้เกิดไฟป่ามานาน จึงทำให้มีเชื้อเพลิงสะสมจำนวนมาก
“พอถึงช่วงฤดูเผาไหม้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครจะมาร่วมกันทำแนวกันไฟ แต่เนื่องด้วยปีนี้มีสถานการณ์โรคระบาดไวรัส Covid-19 ทำให้อาสาสมัครช่วงแรกลดน้อยลง การทำแนวกันไฟให้ครบทุกจุดของพื้นที่ป่าจึงต้องใช้เวลามากขึ้น แต่ยังไม่ทันจะทำได้ครบทุกจุด ไฟป่าจุดแรกก็เกิดขึ้นในบริเวณป่ายอดดอยปุย ซึ่งเป็นเขตป่าอนุรักษ์ในพื้นที่ของอุทยานดอยสุเทพ-ปุย เป็นจุดที่ไม่เกิดไฟป่ามานาน จึงมีเชื้อเพลิงสะสมจำนวนมาก ผนวกกับความแห้งแล้งจึงได้เกิดการเผาไหม้ที่รุนแรง และด้วยสภาพพื้นที่ป่ามีความลาดชันไฟจึงได้ลุกล่ามลงใกล้สู่พื้นที่เมืองอย่างรวดเร็ว สาเหตุต่อมาคือปัยจัยทางภูมิอากาศที่มีลมพัดแรง ทำให้กิ่งไม้ ใบไม้ที่ติดเปลวไฟถูกลมพัดปลิว ไฟป่าจึงเกิดการกระจายตัวหลายจุดมากขึ้นในช่วงเวลาอันสั้น และปัจจัยหลักสุดท้าย คือ การไม่หยุดเผาป่าของคนเราเอง เผาจุดหนึ่งแล้ว เราไปดับมาแล้ว ก็โผล่มาเผาอีกจุด เราก็ต้องตามไปดับอีก วนอยู่แบบนี้ จับตัวได้เพียงบางครั้ง ไฟป่าจึงไม่หมดเสียที ตอนนี้เราควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังต้องคอยเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง”
![](https://citycracker.co/wp-content/uploads/2020/04/S_5778594496722-696x418.jpg)
ดับไฟป่า แล้วต้องดับอีกกี่ชีวิต?
การทำงานของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครไม่มีกำหนดการว่าจะได้หยุดเมื่อไร เราสูญเสียทั้งป่าไม้ พืชพรรณ ชีวิตของสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ภาพของเหล่าสรรพสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บกลายเป็นภาพเศร้าสลดใจ
“ซากสัตว์ป่าที่พบเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง เพราะสัตว์ป่าส่วนมากจะตายหลบ (คือการหมุดหนีลงดิน หนีเข้าถ้ำ และตายเองในเวลาต่อมา) นอกจากนี้ยังพบร่องรอยการอพยพของสัตว์ป่าเป็นจำนวนมาก สัตว์ป่าที่หนีทันและบางตัวที่เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือไว้ถือว่าโชคดี” อาสามัครท่านหนึ่งกล่าว
![](https://citycracker.co/wp-content/uploads/2020/04/a8a5bjgaha8i8hg7b69cj.jpg)
ในขณะที่ภาพของสัตว์ป่าที่บาดเจ็บถูกเผยแพร่ ข่าวการสูญเสียเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครดับไฟป่าจำนวน 4 ราย ในขณะปฏิบัติหน้าที่ก็ยิ่งสร้างความเศร้าสลดให้กับทุกคน รวมไปถึงข่าวการผูกคอตายของเจ้าหน้าที่หัวหน้าชุดดับไฟป่าเชียงใหม่ โดยทิ้งจดหมายตัดพ้อไว้ว่า “เกิดเป็นมนุษย์ ต่างคนต่างความคิด มันเศร้า เราถูกแต่ไม่ถูก เราใช่แต่ไม่ใช่ ที่ตัดสินใจทำแบบนี้ ไม่ได้ขัดแย้งกับใคร หน่วยงานราชการเป็นแบบนี้เสมอ แก้อะไรไม่ได้ มีทั้งเด็กนาย เด็กกู เสมอ ขอเพื่อนไฟป่า เจริญในหน้าที่ทุกคน อย่ามาให้ใครตำหนิ” ขอให้(ชื่อภรรยา)อย่าคิดมาก และ(ชื่อลูกคนที่1) และ(ชื่อลูกคนที่2) เป็นคนดีให้แม่ ช่วยเหลือแม่ จะได้มีตางค์ พ่อไม่ได้กินข้าวเป็นอาทิตย์ พ่อเครียดตลอด พ่อตัดสินใจเอง” แม้ข้อความในจดหมายจะแสดงถึงความน้อยใจในการทำงานของภาครัฐ แต่กรมอุทยานได้ออกมาแถลงข่าวว่าการฆ่าตัวตายนี้เกิดจากเหตุผลส่วนตัว
![](https://citycracker.co/wp-content/uploads/2020/04/49738571542_c4efd95848_b.jpg)
ไฟป่ายังไม่ดับ ทุกชีวิตยังต้องดำเนินต่อ
การดับไฟป่าครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ได้รับการแก้ปัญหาจากทางภาครัฐ แถมข่าวก็ยังเงียบหายจนเหมือนไฟดับแล้ว ทั้งที่ความจริง ไฟยังไม่ดับ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังคงต้องการความช่วยเหลืออยู่มาก
“ด้านบนเขาสั่งไม่ให้ประกาศขอรับบริจาค เพราะจะเป็นการสร้างความแตกตื่นให้ประชาชนเพิ่มขึ้น แต่งบประมาณส่วนกลางไม่มีลงมาให้เลย มีแต่เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร ประชาชน และองค์กรอิสระเท่านั้นที่ช่วยเหลือกันเอง หลังๆ มาไม่ได้กินข้าวเลย เพราะข่าวเงียบหาย ประชาชนก็เข้าใจว่าไฟป่าดับลงแล้ว จริงๆ ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนและอาสาสมัครที่ปฏิบัติงานอยู่ด่านหน้ายังคงต้องการน้ำ อาหารแห้ง และอุปกรณ์ช่วยดับไฟป่าจำนวนมาก” คำบอกเล่าจากอาสาสมัครดับไฟป่าท่านหนึ่ง
แม้จะมีคนสนใจช่วยนำเสนอเรื่องนี้ แต่ก็ถูกปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ “เราถูกปฏิเสธการขอสัมภาษณ์องค์กรอิสระแห่งหนึ่ง เหตุผลคือพวกเขาไม่สามารถให้ข่าวได้แล้ว พวกเขาถูกเรียกพบบ่อยมาก นอกจากนี้หน่วยงานรัฐบาลแห่งหนึ่งยังไม่สามารถให้ข่าวโดยตรงได้ เนื่องจากข้อมูลบางส่วนต้องถูกการคัดกรองและพวกเขาไม่ได้รับอนุญาต”
“ไม่รู้จะตายเพราะโควิท หรือตายเพราะฝุ่นควันก่อนกัน”
ตอนนี้ทุกคนต่างเฝ้าระวังโรคระบาดไวรัส Covid-19 แต่นอกจากโรคแล้ว ชาวเชียงใหม่ยังต้องเฝ้าระวังฝุ่น PM2.5 ที่มีต้นเหตุหลักมาจากการเผาไหม้ป่า ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดว่า 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรก็มีผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว มีงานวิจัยจากประเทศเนเธอร์แลนด์ พบว่า ฝุ่นมลพิษ PM2.5 เพียงแค่ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ก็สามารถกระตุ้นการอักเสบของผิวหนังได้ แต่จังหวัดเชียงใหม่มีค่า PM2.5 สูงถึง 1,000 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อ้างอิงจากศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพขั้นรุนแรง นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิต และเศรษฐกิจของจังหวัดอีกด้วย
![](https://www.thairath.co.th/media/dFQROr7oWzulq5FZUErgOpXpZ9YhwZjlpDvJ9D1TtaRgc5rzhyzCcCMy28Q4gQVLBvo.webp)
“การดำเนินชีวิตเปลี่ยนไป เราจะตื่นเช้ามาสูดอากาศดูสายหมอกแบบเดิมไม่มีแล้ว เราต้องพยายามเก็บตัวอยู่ในพื้นที่ปิด อยู่ในห้องปรับอากาศ หลายคนซื้อเครื่องฟอกอากาศ เพราะกลิ่นควันลอยเข้าไปอยู่ทุกพื้นที่ ไปที่ไหนก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา พยายามออกไปอยู่ในที่โล่งให้น้อยที่สุด ส่งผลมาสู่ธุรกิจหรือร้านค้าที่มีรูปแบบเปิดซึ่งลูกค้าเข้าไปใช้บริการน้อยลงมาก ร้านที่ทุกคนเลือกไปคือร้านที่มีเครื่องปรับอากาศ และเครื่องฟอกอากาศภายในร้าน และอีกช่องทางการใช้บริการของลูกค้าคือการสั่งเดลิเวอรี่ เป็นรูปแบบที่สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องออกมาเสี่ยงโรค จึงเป็นที่นิยมมากของชาวเชียงใหม่ แต่เมื่อผู้คนไม่ยอมออกจากบ้านก็ทำให้สภาพบ้านเมืองดูซบเซาลง นักท่องเที่ยวไม่ออกมาเดินเล่น อีกทั้งยังมีจำนวนน้อยลงจากเดิม ภาพรวมเศรษฐกิจของจังหวัดเงียบเหงาลงมาก ก็อยากให้เชียงใหม่กลับมาเป็นเชียงใหม่ที่อากาศดีเหมือนดังแต่ก่อน” ยุวดี ศรีนุช ผู้ประกอบการร้านกาแฟในจังหวัดเชียงใหม่
อากาศเป็นสิ่งที่จำเป็นของทุกชีวิต อากาศดี ก็ช่วยให้มีชีวิตที่ดี ถ้าวันนี้ไฟป่าเชียงใหม่ยังไม่ได้รับการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ค่าฝุ่น PM2.5 ที่อยู่ในอากาศก็คงไม่มีวันลดลง กลับกันปัญหาด้านต่างๆก็จะยิ่งมีมากขึ้น และกระทบกับทุกชีวิต มาร่วมส่งกำลังใจและบริจาคสิ่งของให้กับสัตว์ป่า เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครดับไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่กันเถอะ #SAVEAUSTRALIA ยังสำเร็จได้ #SAVECHIANGMAI ก็ต้องสำเร็จเช่นกัน สู้ๆเน้อจ้าวจาวเชียงใหม่
ขอขอบคุณ
คุณภัทรวรรณ ณ เชียงใหม่
อาสาสมัครดับไฟป่า
นางสาวยุวดี ศรีนุช
อ้างอิงข้อมูลจาก
ศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Illustration by Montree Sommut
- Papitchaya Tesamoot
บุคคลผู้หลงรักเชียงใหม่ แต่แอบปันใจให้ทะเล ชอบการดื่มกาแฟ มองท้องฟ้า และดอกทานตะวัน