CITY CRACKER

เห็นความจริงของเมืองจากเมืองไม่มีจริง 6 เมืองในจินตนาการสะท้อนความฝันของมนุษย์

 

The city is a state of mind-Robert E. Park

 

 

เมือง ไม่ใช่เรื่องทางกายภาพ ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เมืองดูจะมีตัวตน เป็นพื้นที่แห่งความรู้สึก และเมืองย่อมเป็นตัวกำหนดชีวิตและความเป็นไปของผู้คน

 

ก๊อตแธมเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความซับซ้อนและพลังอำนาจของเมือง ก๊อตแธมไม่ได้เป็นเพียงฉากหลัง แต่เมืองก๊อตแธมได้กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของแบทแมน เป็นตัวแทนของดินแดนสมัยใหม่ ก๊อตแธมเป็นดินแดนให้กำเนิดอาชญากรรม เป็นทั้งบ้านและพื้นที่ทำร้ายหล่อหลอมผู้คน ก๊อตแธมเป็นเหมือนมหานครสมัยใหม่ที่เราต่างสัมผัสถึงบรรยากาศและรับรู้ถึงอิทธิพลของเมืองใหญ่ที่มีต่อเราได้

ก๊อตแธม หรือเมืองอื่นๆ ในหนังหรือวรรณกรรมจึงเป็นภาพที่สะท้อนว่าเมืองมีความหมายมากกว่าพื้นที่ทางกายภาพ เมืองแทบจะเป็นตัวละครอีกตัวหนึ่งที่ส่งผลกับเรื่องราวและผู้คนภายในเรื่อง และเมืองทั้งหลายที่ถูกจินตนาการขึ้นนี้ต่างก็เป็นภาพสะท้อนถึงความคิดหรือความคาดหวังจากเมือง เราเห็นภาพความกังวลของก๊อตแธมในฐานะเมืองใหญ่ไร้ระเบียบที่กลายเป็นดินแดนแห่งอาชญกรรม เห็นแอตแลนติส เมืองในอุดมคติที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและผังเมืองวงกลมที่เป็นระบบระเบียบ เห็นเมือง Whoville เมืองแสนสุขที่รอวันจะถูกขโมยสันติสุขไป

 

Gotham

ตัวร้ายหลักของแบทแมนคืออาชญากร และแน่นอนว่าเมืองอย่างก๊อตแธมนี่แหละที่เป็นสิ่งสำคัญที่แบทแมนกำลังต่อสู้อยู่ พ่อแม่ของเวย์นตายเพราะอาชญากรรมในก๊อตแธม ปัญหาของเมืองหล่อหลอมให้เกิดอาชญากรแบบโจ๊กเกอร์ขึ้น ภาพก๊อตแธมจึงเป็นเหมือนภาพฝันร้ายช่วงเมืองใหญ่และตึกสูงกำลังเติบโตจนกลายเป็นดินแดนแห่งความเหลื่อมล้ำ ความแออัด และอาชญากรรม ก๊อตแธมจึงดูจะเป็นเมืองที่ปรากฏตัวอยู่ทุกเมืองใหญ่ เมื่อการพัฒนาผิดพลาด ตัวเมืองก๊อตแธมเองก็ดูจะเป็นเมืองที่เกิดปัญหาได้ง่าย ลักษณะทางกายภาพเป็นเกาะ เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยซอกหลืบ เงามืดและธุรกิจผิดกฏหมาย จากภาพของก๊อตแธมที่โด่งดัง ในช่วงปี 1961-1988 ได้เกิดกระแสปฏิรูปเมืองในนิวยอ์กเพื่อป้องกันไม่ให้นิวยอร์กกลายสภาพเป็นเมืองผุพัง เน้นการออกแบบเมืองให้ดีกับผู้อยู่อาศัย

 

Urville

เราอาจเคยเห็นผู้มีภาวะออทิสซึมที่บางครั้งอาจมีความสนใจ หรือความจดจ่อพิเศษ เช่นความสามารถในการจดจำเหมือนภาพถ่าย Gilles Tréhin เป็นศิลปินที่มีภาวะออทิสซึ่ม แต่ด้วยความหลงใหลในเรื่องเมือง Tréhin จึงได้ออกแบบและวาดภาพเมืองที่ชื่อว่า Urville ขึ้น เจ้าเมืองที่ว่านี้ก็ใช่ว่าจะวาดขำๆ แต่เป็นเมืองที่มีหน้าตาและรายละเอียดเหมือนกับเมืองจริงๆ มีผัง อาคารบ้านเรือน มีการบริหารจัดการ ออกแบบตั้งแต่ระบบระเบียบ ถนนหนทาง ลานสาธารณะ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมของตัวเอง ถ้าเราดูภาพเมืองในจินตนาการ เราก็จะเห็นเป็นเมืองที่สอดคล้องกับเมืองที่เราฝันถึง เป็นเมืองที่ได้รับการจัดการอย่างเป็นระบบ มีถนนหนทาง มีความร่มรื่นสวยงาม ทางศิลปินตอนนี้กำลังลงมือและดำเนินการเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่แนวคิดเมืองมหึมานี้ต่อไป

 

The Shire

ไชร์ของเหล่าฮอบบิต มีภาพสำคัญคือการเป็นภาพของดินแดนอันเนิบช้า สุขสงบ และใกล้ชิดกับธรรมชาติ มองย้อนกลับไปงานของโทลคีนก็เขียนขึ้นช่วงปลายศตวรษที่ 20 เป็นยุคที่เมืองใหญ่ โลกอุตสาหกรรมกำลังเติบโต ดินแดนไชร์จึงดูเป็นเหมือนดินแดนสุขสงบที่เราคนเมือง มองเห็นก็รับรู้ถึงสันติสุข เป็นดินแดนแห่งความปลอดภัย เป็นดินแดนในอุดมคติที่ได้กลับไปใช้ชีวิตเรียบง่าย อาศัยอยู่ในบ้านหลังคาสีเขียวใต้เนินเขากันอีกครั้ง

 

Emerald City

เมืองมรกต เป็นอีกหนึ่งเมืองในจินตนาการที่ใครๆ ก็จำได้ จากถนนสีเหลืองที่ทอดไปสู่มหานครอันยิ่งใหญ่สีเขียวเจิดจ้า ที่เมืองมรกตนี้ทุกคนต้องใส่แว่นตาสีเขียวเพื่อป้องกันสายตาจากความเจิดจรัสของเมือง ตัวเมืองเองดูจะเป็นเมืองในอุดมคติ เป็นเมืองที่ผู้คนไม่มีโรคภัย ไม่มีคนจน ข้าวของทั้งหลายก็ไม่ต้องซื้อหา อยากได้อะไรก็มีให้ได้ฟรีๆ เป็นเมืองแสนสนุกสุขสบายแบบยูโทเปีย

ในแง่การตีความก็มีนักวิจารณ์ตีความว่าเมืองสีเขียวนี้ ด้วยความที่เขียนขึ้นในช่วงปี 1900 เป็นช่วงที่ระบบทุนนิยมกำลังเฟื่องฟู และอเมริกากำลังเติบโต เมืองสีเขียวจึงอาจหมายถึงภาพของอนาคตใหม่ เป็นดินแดนเสรีและดินแดนทุนนิยมที่กำลังจะรุ่งเรืองเฟื่องฟูต่อไป แต่ก็นั่นแหละเนอะ ภาพที่ดูสมบูรณ์แบบที่สุดย่อมไม่มีจริง ลึกๆ แล้วก็ดูหลอนอยู่หน่อยๆ

 

Whoville

เรารู้จักเจ้ากรินช์ ตัวประหลาดสีเขียวที่นิสัยแสนจะแย่ กลินช์อาศัยอยู่ในถ้ำอันหนาวเหน็บนอกเมือง Whoville มีภาพสำคัญคือเจ้ากลินช์เป็นตัวแทนของความขุ่นมัว ตรงข้ามกับเมือง Whoville ที่ถูกวาดให้เป็นดินแดนแสนสุข เป็นเมืองเชิงบวกที่รอวันให้เจ้ากลินช์เข้าทำลายด้วยการขโมยวันคริสต์มาส ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปีไป ตัวเมือง  Whoville จึงมีหน้าตาแบบอุดมคติ เป็นเมืองขนาดกะทัดรัดที่ถนนหนทางเดินได้สะดวก มีพื้นที่สาธารณะดีๆ ทุกพื้นที่เป็นมิตรกับทุกคนตั้งแต่เด็กจนถึงสัตว์เลี้ยง มีย่านเพื่อนบ้านและบ้านอันอบอุ่น เมืองนี้จึงเป็นเมืองคุณภาพที่บ่มเพาะประชากรคุณภาพ คุณภาพถึงขนาดที่ว่าเจ้ากลินช์ตัวร้ายขโมยวันคริสมาสต์ คือขโมยข้าวของ ต้นไม้ ไฟประดับ ไปจนแห้งเหี่ยวแล้ว ชาวเมืองก็ไม่ได้แคร์แต่อย่างใด แถมยังประกาศปรัชญาสำคัญว่าการเฉลิมฉลองไม่ได้อยู่แค่ที่ข้าวของ แต่อยู่ที่จิตวิญญาณการรวมตัวกันและส่งความสุขต่างหาก เจ้ากลินช์ได้ยินดังนั้นจากหัวใจแคบๆ ก็พองโตและกลายเป็นคนน่ารักขึ้นมาในท้ายที่สุด

 

Atlantis

แอตแลนติสเป็นมหานครในตำนานที่เพลโตเล่าถึง เมืองแอตแลนติสเป็นดินแดนอารยธรรมโบราณ มีความเกรียงไกรพร้อมวิทยาการล้ำสมัย แต่เมืองอันใหญ่โตนี้ก็ได้กลายเป็นอดีตล่มสลายลงสู่ท้องทะเล นักวิชาการบางส่วนยังคงสนใจและตั้งสมมติฐานว่าแอตแลนติสที่ว่าอาจจะมีอยู่จริง ส่วนหนึ่งมองว่าเพลโตอาจเล่าเพื่อเป็นความเปรียบในการสอนปรัชญาเรื่องเมืองที่ดี แต่บางข้อสังเกตก็มองว่าเพลโตให้รายละเอียดของตัวเมืองแอตแลนติสอย่างถี่ถ้วน มีความพยายามระบุหาตำแหน่งซากอารยธรรมแห่งนี้ แต่การพูดถึงอารยธรรมเก่าที่เคยมีก็แสดงถึงภาพจินตนาการในการวาดเมืองล้ำสมัย เป็นเมืองแห่งการค้าและการทำสงคราม ตัวเมืองมีการวงผังเป็นทรงกลม เป็นดินแดนที่ฝันถึง- ในระดับความคิดเพลโตมองว่าเมืองแอตแลนติสไม่ยั่งยืน ควรเป็นเมืองกสิกรรมที่ผู้คนดูแลตัวเองได้ ไม่บ้าสงครามจะดีกว่า

 

อ้างอิงข้อมูลจาก

lib.uchicago.edu

citylab.com

wisconsinmedicalsociety.org

academia.edu

 

Illustration by Thitaporn Waiudomwut

 

 

Share :