CITY CRACKER

ชวนนึกภาพอนาคตของย่านธุรกิจ พื้นที่ที่ไม่ได้มีแค่การทำงาน

ในวันนี้เราอาจพอเรียกบรรยากาศของเมืองและวิถีชีวิตโดยทั่วไปได้ว่าเราเริ่มย้อนกลับไปสู่ยุคภาวะปกติ จากช่วงเวลาของโรคระบาดอันยาวนาน

หนึ่งในผลของโควิดคือรูปแบบการทำงานแบบใหม่ การทำงานที่บ้าน การประชุมกันผ่านออนไลน์ พื้นที่สำคัญที่ถูกท้าทายคือพื้นที่ทำงาน อาคารสำนักงานในหลายเมืองที่เคยเป็นหัวใจของเศรษฐกิจลดความสำคัญลง หลายเงื่อนไขการทำงานเริ่มกลายเป็นรูปแบบการทำงานแบบใหม่ที่โลกธุรกิจและคนทำงานเรียนรู้ว่าความยืดหยุ่นในการทำงานนำไปสู่ประสิทธิภาพที่ไม่แตกต่างกันพร้อมกับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ด้วยโรคระบาดและวิถีการทำงานแบบใหม่ รวมไปถึงทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เช่น คนรุ่นใหม่เน้นความสุขในการใช้ชีวิตและการทำงาน พื้นที่สำคัญที่เคยนับว่าเป็นพื้นที่ลำดับหนึ่งและสองคือบ้านและที่ทำงานที่เคยแยกออกจากกันรวมถึงพื้นที่หย่อนใจคือ third place หลอมรวมเข้าหากัน ด้วยมิติทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบใหม่นี้ ทำให้แน่นอนว่าหน้าตาและความสำคัญของย่านธุรกิจย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

ในช่วงที่เรากำลังค่อยๆ กลับไปสู่ภาวะปกติ เราเตรียมก้าวไปข้างหน้า ถอดหน้ากากอนามัยแต่ก็อาจไม่ได้กลับไปยังออฟฟิศเต็มเวลาเหมือนแต่ก่อน ในความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เส้นแบ่งต่างๆ เริ่มสลายตัวลงไม่ว่าจะจากความคิด วิถีชีวิตใหม่ๆ หรือจากเทคโนโลยีที่ทำให้พรมแดนทั้งหลายพร่าเลือน ตัวย่านธุรกิจเองก็ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปและสอดคล้องกับการเฟื่องฟูขึ้นของอาคารรูปแบบใหม่ๆ เช่น ตึกมิกซ์ยูส ย่านธุรกิจกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่ใช่แค่เราเข้าไปทำงานเหมือนเครื่องจักรแล้วหลบหนีออกมาด้วยความทรมาน แต่ย่านธุรกิจอาจกำลังกลายเป็นอีกมิติของเมืองและการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ เป็นอนาคตของการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ที่ไม่ได้แบ่งแยกและเป็นพื้นที่ที่ไร้ชีวิตชีวาอีกต่อไป

ย่านธุรกิจ คือชีวิตเมือง

ความสำคัญของย่านธุรกิจคือ แน่นอนว่าตัวย่านธุรกิจหรือ CBDs เป็นพื้นที่สำคัญที่ก่อตัวขึ้นพร้อมๆ กับเมืองใหญ่โดยเฉพาะเมืองหลวงทางการค้า เป็นพื้นที่การค้าและการทำงานในระดับนานาชาติ ในความเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้ตึกออฟฟิศและย่านธุรกิจที่เคยเป็นพื้นที่ที่เราในฐานะคนทำงานเข้าไปใช้เวลาอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง หรือ 5 วันสัปดาห์เปลี่ยนความสำคัญไป

จากค่าเช่าและความสำคัญที่ลดฮวบลง การเดินทางเข้าพื้นที่ที่ลดจำนวนและความหนาแน่นลง กิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนับตั้งแต่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงร้านค้าและพื้นที่บริการอื่นๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป อันที่จริงการเปลี่ยนแปลงนี้สัมพันธ์กับมิติทางวัฒนธรรมด้วย คือจากเดิมย่านธุรกิจเป็นพื้นที่สำคัญของชีวิตเมือง (urban life) เป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมที่แยกพื้นที่บ้านและพื้นที่ทำงานออกจากกัน

นัยหนึ่งพื้นที่ทำงานในเมืองค่อนข้างเป็นพื้นที่เฉพาะ เป็นพื้นที่ของความเป็นมืออาชีพ เป็นดินแดนแห่งการทำงานหนักพร้อมกับเป็นพื้นที่ของโอกาส ของคนที่หมุนไปตามจังหวะเมืองและโลกธุรกิจอย่างรวดเร็ว บางมุมของย่านธุรกิจจึงอาจมีนัยของความเหน็ดเหนื่อย การเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้งไร้ชีวิต เป็นพื้นที่ของคนแปลกหน้า และเป็นพื้นที่ที่ไม่นับรวมคนกลุ่มอื่นๆ ไม่ค่อยโยงกับการมีสุขภาพที่ดี (healthy) ในหลายๆ แง่เท่าไหร่นัก

โดยนัยแล้วย่านธุรกิจที่นับเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาของพื้นที่เมืองที่อาจจะไม่ดีต่อผู้อยู่อาศัยนัก ประกอบกับความเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมการทำงานรวมถึงความคิดของผู้คนที่มีทัศนคติต่อการทำงานและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ย่านธุรกิจจึงเป็นอีกพื้นที่ที่เมืองพยายามทั้งปรับตัวเพื่อให้เป็นพื้นที่ที่รองรับการเติบโตทั้งของผู้คนและของธุรกิจ เป็นพื้นที่ที่ไม่ได้มีแค่การทำงานอย่างน่าเหน็ดหน่ายไปจนถึงไม่ได้เป็นแค่พื้นที่เพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นอีกพื้นที่ที่รองรับการใช้ชีวิตและเป็นพื้นที่ที่ปรับไปตามธุรกิจกิจการที่เปลี่ยนแปลงไปข้างหน้าอยู่เสมอ

รายงานหนึ่งจากแบบสำรวจ City Pulse Survey ของสถาบันวิจัย Gensler Research Institute พูดถึงความเปลี่ยนแปลงและอนาคตของย่านธุรกิจที่สัมพันธ์กับทัศนคติของผู้คนที่มีต่อเมืองในช่วงรอยต่อสู่การกลับมาของชีวิตปกติก่อนยุคโควิด รายงานดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าผู้คนมองเมืองในมุมที่ต่างออกไปและคำนึงในหลายประเด็นที่เป็นปัญหาของเมืองใหญ่ เช่น ค่าครองชีพ เริ่มเห็นความเป็นไปได้ในการย้ายออกจากเมืองใหญ่ ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกอยากจะกลับไปใช้ชีวิตที่ขาดหายไปอย่างการได้พบเจอกับครอบครัวและคนที่รัก การไปยังพื้นที่เปิด (open space) การทำสิ่งต่างๆ ในพื้นที่กายภาพ

ดังนั้นในหลายเงื่อนไข รายงานค่อนข้างชี้ให้เห็นความสำคัญในการปรับพื้นที่กายภาพโดยเฉพาะตัวย่านธุรกิจที่อาจสามารถปรับไปสู่พื้นที่ที่ดีและตอบสนองความต้องการของผู้คน แนวคิดหลักๆ ที่เราพยายามปรับเมืองไปสู่เช่น ความยั่งยืน การนับรวม (inclusive) ความยืดหยุ่น (resilient) ไปจนถึงสุขภาวะ (healthy) ล้วนเป็นเงื่อนไขและเป็นโอกาสที่เราจะร่วมปรับเมือง เปลี่ยนคุณภาพชีวิตของผู้คนโดยอาจมีย่านการค้าเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของการเปลี่ยนแปลงในระดับกายภาพ

 

เมื่อย่านธุรกิจคือย่านของการใช้ชีวิต

ด้านหนึ่งบางสื่อ เช่น บลูมเบิร์กชี้ให้เห็นว่าย่านธุรกิจมีทิศทางการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ยุคก่อนโรคระบาดแล้ว ความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการที่เส้นแบ่งของพื้นที่ทำงานค่อยๆ คลี่คลายลง ย่านธุรกิจเริ่มรวมพื้นที่ต่างๆ ที่สัมพันธ์กับวิถีชีวิตและบรรยากาศของย่านหนึ่งๆ เข้าไปไว้ในภายในย่าน ลักษณะสำคัญหนึ่งคืออาคารแบบมิกซ์ยูสซึ่งก็คือตึกออฟฟิศรูปแบบใหม่ที่ไม่ได้มีแค่ออฟฟิศ ตึกเหล่านี้มักรวมพื้นที่สีเขียว พื้นที่สาธารณะรูปแบบต่างๆ ไปจนถึงกิจการอื่นๆ เช่น โรงแรม ร้านค้า พื้นที่ศิลปะวัฒนธรรมเข้าไปในพื้นที่เดียวกันด้วย

หัวใจของย่านธุรกิจแบบใหม่คือการที่ย่านหรือพื้นที่หนึ่งตอบสนองวิถีชีวิตของผู้คนอย่างรอบด้านมากขึ้น มองเห็นไปถึงการเคลื่อนไหว (mobility) ของผู้คน ด้านหนึ่งคือย่านธุรกิจยังคงเป็นพื้นที่การพัฒนาเมืองที่สำคัญ ด้วยตำแหน่งแห่งที่ไปจนถึงบริบทของย่านนั้นๆ เพียงแค่ทิศทางการพัฒนาอาจปรับเปลี่ยนไปสู่แนวคิดร่วมสมัย เป็นการพัฒนาที่เน้นย้ำคุณภาพชีวิตทั้งของผู้คนและของเมืองเอง

ย่านธุรกิจอาจลดความสำคัญของพื้นที่ทำงานลง แต่ยังคงเป็นพื้นที่พัฒนาที่สำคัญ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือแผนการพัฒนาของเมืองสำคัญทั้งในยุโรปและเอเชียที่ยังคงมีย่านธุรกิจเป็นการพัฒนาที่เป็นหัวใจและพื้นที่สำคัญใหม่ที่เมืองต่างก็วางไว้เป็นก้าวต่อไป เป็นพื้นที่ยืดหยุ่นสำคัญที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจและกิจการต่างๆ ให้ก้าวไปตามกระแสความเปลี่ยนแปลงทั้งดีและร้ายที่กำลังจะซัดเข้ามา

สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศและเมืองสำคัญที่พื้นที่กลางเมืองหรือ CBDs ได้รับผลกระทบจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ทว่าสิงคโปร์เองก็มีแผนพัฒนาสำคัญเป็นย่านธุรกิจใหม่คือย่าน Jurong Lake District ว่าที่ย่านธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดและเป็นภาพย่านธุรกิจแห่งอนาคตของสิงคโปร์ ย่านธุรกิจใหม่นี้มีลักษณะเป็นเมืองแนวตั้ง ยังคงแนวคิดเมืองในธรรมชาติคือเป็นเมืองที่ผสานเข้ากับความเป็นธรรมชาติในหลายแง่มุม ในพื้นที่ธุรกิจใหม่นี้ด้วยตัวโลเคชั่นจะเป็นเหมือนป่าแนวตั้งที่สอดประสานไปกับพื้นที่ริมน้ำอันสำคัญของสิงคโปร์และจะกลายเป็นหัวใจของการเติบโตทั้งของธุรกิจและผู้คนที่ขับเคลื่อนกิจการต่างๆ ต่อไป

ความพิเศษของการพัฒนาย่านธุรกิจใหม่ของสิงคโปร์คือการเน้นพื้นที่เพื่อการใช้ชีวิตอย่างครบวงจร เป็นพื้นที่ที่รวมทั้งพื้นที่ทำงานและสันทนาการ เป็นพื้นที่เพื่อกิจกรรมทางธุรกิจรูปแบบใหม่ที่เชื่อมต่อกับธรรมชาติรวมถึงบริบทประวัติศาสตร์ เช่น การเป็นย่านอุตสาหกรรมเดิม มีการออกแบบบางส่วนให้เป็นพื้นที่ยืดหยุ่นแต่ก็รับกับบริบทภูมิประเทศ เช่น ออกแบบให้มีการหมุนเวียนอากาศจากพื้นที่ริมน้ำในระดับย่าน เน้นการออกแบบเพื่อความยั่งยืนแทบจะในทุกจุด เป็นพื้นที่ส่งเสริมและบ่มเพาะกิจการรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะกิจการสีเขียวที่จะมีหน่วยงานของรัฐเข้ามาใช้พื้นที่ย่านเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบโปรเจกต์ในระดับเมืองต่างๆ นอกจากนี้ตัวย่านจะเน้นการวางระบบขนส่งสาธารณะ เน้นการเข้าถึงด้วยพลังงานสะอาดไม่ว่าจะเป็นการเดินหรือการปั่นจักรยาน มีระบบขนส่งหลักที่ไม่ก่อมลพิษ เน้นเปิดพื้นที่สาธารณะเพื่อเชื่อมต่อผู้คนเข้าหากันและเน้นการบ่มเพาะผู้มีความสามารถที่หลากหลายเพื่อนำไปสู่กิจการและความเคลื่อนไหวในอนาคตต่อไป

ภาพของย่านธุรกิจที่ดูเป็นเมืองแห่งอนาคต เป็นดินแดนแนวตั้งที่แม้จะสร้างด้วยวัสดุของมนุษย์แต่ด้วยนัยของการออกแบบย่านและวิถีชีวิตของย่านธุรกิจใหม่ ส่วนใหญ่กระแสของการใช้ชีวิตก็จะเน้นการนำเอาธรรมชาติและความเป็นชุมชนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในอนาคต

นอกจากเอเชียแล้ว ในยุโรปเองการเปิดย่านและพัฒนาย่านธุรกิจใหม่ๆ ก็ค่อนข้างเน้นไปที่ผู้คน เน้นพื้นที่สาธารณะ เป็นพื้นที่กายภาพที่ตอบสนองวิถีชีวิต แง่หนึ่งการปรับเปลี่ยนย่านธุรกิจมีการปรับความหมายและการใช้งานอยู่เสมอเช่นการเปิดไทม์สแควร์ไปสู่พื้นที่ของการเดิน การเปลี่ยนดังกล่าวทำให้เมืองและย่านได้รับบทเรียนและเล็งเห็นถึงความสำคัญของย่านเดินได้ หรือการที่กูเกิลเองที่สร้างไม่ใช่แค่ตึกสำนักงานแต่มีการลงทุนในระดับย่าน มีการลงทุนในที่พักอาศัยราคาประหยัด มีร้านอาหารและสาธารณูปโภคอื่นๆ ที่ทำให้ระบบนิเวศมีการนับรวมมากขึ้น

พื้นที่ย่านธุรกิจมีความสำคัญต่อผู้คนในหลายแง่มุม การเป็นพื้นที่ของการใช้ชีวิต เป็นย่านที่สัมพันธ์กับผู้คนในหลายระดับ เป็นพื้นที่ที่อาจถ่ายขยายความเหลื่อมล้ำ มองเห็นแค่คนบางกลุ่ม อาจทำให้สุขภาวะการทำงานย่ำแย่ลง หรือพื้นที่ย่านธุรกิจในอนาคตอาจเป็นย่านที่มีหัวจิตหัวใจมากขึ้น มองเห็นความแตกต่างหลากหลาย เป็นพื้นที่ยืดหยุ่นที่ดีต่อความเปลี่ยนแปลง ดีต่อผู้คน เป็นพื้นที่เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแรงต่อไป

ในแง่นี้คำสำคัญที่เราพูดกันอาจสัมพันธ์กับพื้นที่จริง กับผู้คน กับวิถีชีวิตแและสัมพันธ์กับความเปลี่ยนแปลง ย่านธุรกิจจึงจะเป็นอีกหนึ่งโจทย์สำคัญที่เมืองจะทำให้ความยั่งยืน ความเหลื่อมล้ำ ความเท่าเทียม การนับรวม หรือความยืดหยุ่นนั้น ตอบสนองกับโลกที่หมุนอย่างรวดเร็ว เป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมผู้คนต่อไปอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป


อ้างอิงข้อมูลจาก

gensler.com

bloomberg.com

kcap.eu

blog.bham.ac.uk

 

Share :