CITY CRACKER

Circuit เส้นทางเดินลัดเลาะบนเกาะสิงคโปร์ให้ลูกเติบโตท่ามกลางธรรมชาติ

ทุกวันหยุด บ้านเราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับธรรมชาติ ให้ลูกสัมผัส คุ้นเคยและเข้าใจว่าชีวิตเรามีบ้านเป็นสวนเป็นป่า มีหลังคาสีเขียว มีเพื่อนเป็นสัตว์ต่างๆ มีอาหารเป็นผลิตผลจากธรรมชาติ มีน้ำสะอาดจากลำธาร มีร่มกันฝนด้วยใบไม้ใหญ่ มีเตียงเป็นพื้นหญ้าเขียวนุ่ม มีพรมเป็นมอสชื้นๆ มีทางเดินบนใบไม้แห้งกรอบ บ้านเราใช้ชิวิตในเมืองใหญ่อย่างเนิบนาบ ไม่เร่งรีบ ให้ลูกได้เติบโตท่ามกลางธรรมชาติในเมืองรอบๆ ตัว

 

แม้สิงคโปร์จะเป็นเกาะเล็กๆ ที่แสนน่าเบื่อของใครต่อใคร แต่ที่นี่สามารถสร้างคำที่สุดแสนจะโลกสวยอย่าง City in a Garden ให้เกิดขึ้นจริงกลางใจเมือง มีป่า มีสวน  มีต้นไม้หลายร้อยปีที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี พื้นที่ทุกตารางนิ้วของที่นี่มีค่ามาก แต่รัฐบาลของที่นี่เห็นความสำคัญต่อพื้นที่สีเขียว หากจะรื้อทิ้งทำ Mega-project ก็คงทำกำไรให้ประเทศได้มากมาย แต่คงเป็นการขาดทุนที่ไม่มีวันชดใช้คืนได้ของธรรมชาติ

City in a Garden ไม่มีรั้ว สามารถเดินได้ทั่วถึง เน้น Seamless Indoor & Outdoor ให้ธรรมชาติไหลจากภายนอกเข้าสู่ภายใน ให้พื้นที่กิจกรรมไหลจากภายในออกสู่ภายนอก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (Eco & Sustainable) สิ่งสำคัญที่ทำให้เมืองเขียวๆ นี้สำเร็จได้ คือการสร้างเส้นทางเชื่อมต่อสีเขียว (Green Corridor) ระหว่างตึกย่านต่างๆ ของแต่ละเขต และเส้นทางเชื่อมต่อสวนสาธารณะ (Park Connector) ที่สามารถเดินเท้า ขี่จักรยาน ไถสกู๊ตเตอร์ หรือ เข้าถึงได้ด้วยระบบ Mass-Transit เส้นทางเชื่อมต่อเหล่านี้ ทำให้เราแทบไม่เห็นความจำเป็นในการใช้รถส่วนตัวเลย เราสามารถเดินเท้าไปได้ทั่วถึง ทุกคนเดินในเมืองราวกับเดินในสวน ความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ถูกอนุรักษ์ตัดแต่งอย่างมีความรู้ เป็นทั้งร่มเงาและที่อยู่อาศัยของนกต่างๆ นอกจากจะเป็นทางเดินเชื่อมแล้ว บางจุดก็ถูกขยายเป็นพื้นที่ที่ใช้จัด street events, festival, performance ต่างๆ เราอยู่ในเมืองใหญ่ก็จริง แต่ scale ความใหญ่ของมันถูก soften ด้วยความเขียวชอุ่มที่ล้อมเมืองเอาไว้ รัฐบาลและกรมผังเมืองของประเทศนี้ช่างตีโจทย์แตก ออกแบบวางแผนดีๆ ไปเลยทีเดียว จะได้แก้ปัญหาเมืองใหญ่ได้ทุกจุด

บ้านเราทุกคนมีหน้าที่ในเมือง พ่อลิงทำงานใจกลางเมืองฝั่งเมืองใหม่ แม่ลิงทำงานใจกลางเมืองฝั่งเมืองเก่า ลูกลิง เรียนอยู่ใจกลางเมือง ที่เรียกได้ว่าเป็น heart of CBD กันเลยทีเดียว เด็กที่นี่เค้าเรียนกันแค่ครึ่งวัน อีกครึ่งวันที่เหลือ มีเวลาใช้ชีวิตและค้นหาตัวเอง เพราะฉะนั้นยามบ่ายจึงเป็นเวลาที่แม่ลูกพากันเดินท่องเมืองตามเส้นทางต่างๆ ที่สองข้างทางมักมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้เกาะเล็กๆ นี้มีมิติขึ้น ไม่น่าเบื่อ แม่ลิงเรียกเส้นทางต่างๆ เหล่านี้ว่า Circuit  ซึ่ง Circuit ที่ไกลๆ และต้องการทำเวลา เจ้าลูกลิงก็ไถสกู๊ตเตอร์ สไตรเดอร์ ไปได้ แล้วแต่อารมณ์เด็ก

Circuit ของบ้านเราค่อนข้างไกล เดิมที พ่อและแม่เป็นสปีชีส์ที่ชอบเดินอยู่แล้ว เพราะเดินแล้วสุขภาพดี ไปเที่ยวต่างประเทศเราก็เน้นเดินกันเป็นแสนๆ ก้าว ซึ่งแม่ลิงเองก็เดินจนหยดสุดท้ายก่อนคลอดลูก เลยคิดไว้ว่าลูกลิงก็ควรชอบเดินด้วยเหมือนกัน ซึ่งลูกลิงก็เดินได้เร็วสมใจแม่ เขาเริ่มเดินตั้งแต่ 11 เดือน เป็นเบบี๋ที่ชอบเดินมากกว่าถูกอุ้ม สบายเราเลย เบบี๋ข้าวเลยได้ไปเดินไกลๆ ตั้งแต่เล็กๆ จนกลายมาเป็นเด็กเดินทน ไป trekking กับพ่อแม่ไกลๆ ได้ตั้งแต่3-4ขวบ

ข้อดีของการชอบเดินคือโลกหมุนช้าลง เรามีเวลามากพอที่จะสังเกตสิ่งรอบตัว เรามีเซนส์ด้านความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติ สำหรับเด็กเล็กๆ นี่คือการสร้างพัฒนาการทางกายใจและความเข้าใจด้านมิติสัมพันธ์ เช่น ความเข้าใจความสัมพันธ์ด้านเวลากับแสงหรือเสียง, ด้านพยากรณ์อากาศกับเมฆ ลม แมลงต่างๆ, ด้านฤดูกาล กับความต้องการมนุษย์และสัตว์  เป็นต้น เรื่องเล็กๆ แบบนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยสำคัญ แต่บ้านเราเชื่อว่า เรื่องเล็กๆ ที่ค่อยๆ เริ่มเข้าใจอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผ่านประสาทสัมผัส สองตา สองมือ สองเท้า จะช่วยให้เด็กได้เติบโตอย่างมีระบบความคิดที่เป็นระบบชัดเจน ลึกซึ้ง จากประสบการ์ณตรงของตัวเอง

Circuit ที่แม่วางไว้ให้ เหมือนจะเป็นแค่ทางวิ่งเล่น เดินเล่น แต่รับรองว่ามันเต็มไปด้วยแหล่งข้อมูลความรู้ สำหรับเด็กปฐมวัยอย่างแท้จริง

 

photo by E.K.Honda
Illustration by Thitaporn Waiudomwut

 

 

Share :