กรองฝุ่นได้ในระดับเมือง: 'ฟ้าใส' หอฟอกอากาศอัตโนมัติแบบไฮบริด

กรองฝุ่นได้ในระดับเมือง: ‘ฟ้าใส’ หอฟอกอากาศอัตโนมัติแบบไฮบริด

Pm 2.5 ยังไม่หายไปไหน แต่ดูเหมือนว่าเราก็เริ่มคุ้นชินกับมันไปแล้ว คนที่ดูแลตัวเองก็หาหน้ากากมาสวมดูแลกันไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลายคนเริ่มจะไม่ใส่หน้ากากป้องกันแล้ว ทั้งที่ฝุ่นขนาดเล็กนี้ก็ยังคงอยู่กับเราแถมยังส่งผลต่อสุขภาพด้วย

ล่าสุด จากภาวะฝุ่นละอองที่เรากำลังเผลิญ ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (Research & Innovation for Sustainability Center–RISC) โดย MQDC ได้เปิดตัว ‘ฟ้าใส’ หอฟอกอากาศอัตโนมัติแบบไฮบริด หอฟอกอากาศระดับเมืองที่จะช่วยฟอกอากาศบริสุทธิ์ได้ในอัตราสูงสุด 120,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง โดยน้องฟ้าใสจะถูกติดตั้งไว้ที่โครงการ 101 True Digital Park ทีนี้พอน้องฟ้าใสทำการฟอกอากาศ ก็จะดักจับฝุ่นไว้ นอกจากจะช่วยให้เรามีอากาศที่สะอาดขึ้น เรายังสามารถนำฝุ่นนั้นมาวิจัยต่อได้ ว่าแท้จริงแล้ว pm 2.5 ที่เรากำลังเผชิญกันอยู่นี้ มาจากไหนกันแน่

ก่อนจะมาถึงน้องฟ้าใส เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาทาง RISC ก็ได้ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศแบบไฟฟ้าสถิต ที่สามารถฟอกอากาศบริสุทธิ์ได้ในอัตราสูงสุด 5,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง บริเวณลานกิจกรรมลานระหว่างสยามดิสคัฟเวอรี่และสยามเซ็นเตอร์ ใครที่ผ่านมาแถวนั้นก็น่าจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง

จากเครื่องฟอกอากาศแบบไฟฟ้าสถิตย์สู่หอฟอกอากาศแบบไฮบริด

นวัตกรรมไม่เคยหยุดนิ่ง RISC คิดและพัฒนาหอฟอกอากาศด้วยระบบไฮบริดนี้ร่วมกับบริษัท เนสเทค ประเทศไทย จำกัด (NESTECH) มีการใช้พลังงานจากแผงโซล่าร์เซลล์ ขนาด 3,850 วัตต์ ร่วมกับระบบแบตเตอรี่ ลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก น้องฟ้าใส จะเริ่มฟอกกาศโดยใช้ใบพัดความเร็วสูงดึงอากาศเข้าไปในระบบ และแยกฝุ่นขนาดใหญ่และขนาดเล็กออกด้วยความเร็วลม และปล่อยละอองน้ำเพื่อการดักจับฝุ่น 3 ชั้น ต่อเนื่องด้วยระบบ Jet Venturi Scrubber จะใช้น้ำทั้งหมด 70 ลิตร สามารถฟอกอากาศได้ในอัตราสูงสุดถึง 120,000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง โดยระบบอัจฉริยะจะควบคุมการทำงานของมอเตอร์ใบพัดให้สอดคล้องกับความเข้มข้นของฝุ่นละออง จนระดับความเข้มข้น PM2.5 ลดลงถึงเกณฑ์ปกติ ว่าง่ายๆ คือถ้าฝุ่นเยอะก็จะใช้พลังงานเยอะ แต่ถ้าฝุ่นน้อยก็จะเป็นโหมดประหยัดพลังงาน

รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษา ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน กล่าวว่าหอคอยฟอกอากาศแบบไฮบริดนี้จะสามารถช่วยให้ 10 % ของคนกรุงเทพฯ ให้มีอากาศที่ดีขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับกระแสลมด้วย เพราะเมื่อกระแสลมที่ไม่นิ่งก็อาจทำให้พัดพาอากาศที่ดีไปสู่ที่อื่น และอาจนำอาศที่ไม่ดีจากที่อื่นมาสู่บริเวณนั้นๆ ได้