CITY CRACKER

Attack of Capybara คาปิบาร่าในเมือง ประโยชน์และปัญหาที่นักพัฒนาเมืองต้องทบทวน

คาปิบาร่าเป็นน้องของเรา เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรารักในความหน้านิ่ง ความชิลในการใช้ชีวิต และเรามักพูดถึงพวกมันในฐานะสิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตรกับแทบทุกสายพันธ์ุ

เราเห็นภาพน้องนอนเล่นกับจระเข้ บรรทุกลิงกระรอกไว้บนหลัง นอนหนุนเต่า นอนแช่น้ำ คาปิบาร่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สุขสงบ แต่ทว่า หนึ่งในศัตรูของพวกมันก็ไม่ใช่ใครทีไหน คือมนุษย์และการพัฒนาเมืองของเรานี่เอง

คาปิบาร่าเป็นสัตว์ฟันแทะขนาดใหญ่ แหล่งกำเนิดของพวกมันอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ อันที่จริงคาปิบาร่าเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากมนุษย์ ในแถบอเมริกาใต้รวมถึงพฤติกรรมการล่าที่ในบางพื้นที่มีการล่าเจ้าน้องเหล่านี้เพื่อเอาเนื้อและหนังของมัน โดยนอกจากกิจกรรมการถูกล่าแล้ว เจ้าคาปิบาร่ายังได้รับผลกระทบโดยตรงจากการพัฒนาเมืองที่ขยายไปบนพื้นที่ธรรมชาติ แต่แก๊งขาหมูเหล่านี้ก็ยังคงเป็นสัตว์สุดชิลตามสัญชาตญานต่อไป

นอกจากว่าพวกมันจะน่ารักและกลายเป็นมีมแล้ว ความน่าสนใจของเหล่าคาปิบาร่าในพื้นที่อเมริกาใต้คือ พวกมันเป็นสัตว์ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเมืองได้ พวกมันจึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจในการปรับตัวให้อยู่ในเมืองได้ มีรายงานจากเมืองในอเมริกาใต้ว่าเราเองอาจพบเจ้าคาปิบาร่านอนผึ่งแดดได้อยู่ในพื้นที่ธรรมชาติหรือสวนในเมือง

แต่นอกจากความน่ารักและความหลากหลายทางชีวภาพในเมืองแล้ว เจ้าคาปิบาร่าเองก็มีความขัดแย้ง คือพวกมันยึดสนามหญ้าในหมู่บ้านหรูของอาร์เจนติน่า ซึ่งอันที่จริงการบุกยืดนี้คือการทวงคืนบ้านของพวกมัน ปมขัดแย้งของมนุษย์และเจ้าหนูยักษ์นี้ได้นำไปสู่เกิดการขบคิดเรื่องการพัฒนาเมืองและทำให้เราได้มองเห็นปัญหาบางอย่างในการใช้พื้นที่ของมนุษย์

© nerdist.com

คาปิบาร่า ตัวอย่างนักปรับตัวและใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ในเมือง

ก่อนอื่นต้องระบุก่อนว่าคาปิบาร่ากับมนุษย์ ไม่ได้มีความสัมพันธ์หอมหวานนัก พวกมันถูกล่า ถูกขับไล่ และแน่นอนเมืองของพวกเรารุกล้ำและทดแทนพื้นที่ทางธรรมชาติของพวกมัน แต่จากรายงานและการศึกษาพบว่า เจ้าคาปิบาร่าเป็นหนึ่งในไม่กี่สิ่งมีชีวิตสายพันธ์ุอื่นที่มีการปรับตัวให้อยู่ในพื้นที่เมืองได้ และทำให้เราเห็นมิติของเมืองที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ และความหลากหลายนั้นก็อาจส่งผลให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ สามารถใช้ชีวิตอยู่เป็นอย่างดีร่วมกับมนุษย์ได้

คาปิบาร่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ มีน้ำหนักตัวโตเต็มวัยได้ถึง 60 กิโลกรัม โดยพฤติกรรมพวกมันเป็นสัตว์กินพืช ชื่อของคาปิบาร่า เป็นภาษาโบราณ หมายถึง ‘ผู้ที่กินไม้ใบเรียว’ ซึ่งก็คือหญ้า นอกจากหญ้าที่เป็นอาหารแล้ว คาปิบาร่ายังเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิตร่วมกับน้ำ พวกมันผสมพันธุ์และใช้ชีวิตอย่างสงบในแถบชายน้ำ ริมแม่น้ำ ลำธารหรือสระธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะเห็นภาพพวกมันอยู่ในทุ่งหญ้า อยู่ในน้ำ หรือตามชายน้ำ

 

© britannica.com

 

ดังนั้นในงานศึกษาคาปิบาร่าในการใช้พื้นที่เมืองจากบราซิล ระบุว่าเมืองใหญ่ในบราซิลหลายแห่งสามารถพบเห็นคาปิบาร่าได้เป็นปกติ โดยเฉพาะในเมืองที่มีพื้นที่ธรรมชาติ คาปิบาร่ามักจะอยู่ในที่ๆ มีน้ำ และรายล้อมด้วยป่าหรือพุ่มไม้ พวกมันจึงเป็นหนึ่งในนักปรับตัว นับเป็นการใช้พื้นที่เมืองร่วมกับมนุษย์ได้อย่างน่าสนใจ คือมนุษย์ใช้งานพื้นที่เมืองเหล่านั้นตอนกลางวัน ส่วนพวกมันก็ออกมาใช้ในเวลากลางคืน

การมีอยู่ของคาปิบาร่าในพื้นที่เมืองนั้นๆ จึงสัมพันธ์กับความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่และพวกมันเองก็เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับเมือง เบื้องตันนักวิจัยระบุว่าความหลากหลายทางชีวภาพในเมืองย่อมย้อนกลับมาสู่คุณภาพของผู้อยู่อาศัย เช่น ในทุกวันถ้าเราไปเดินเล่นแล้วพบเจ้าคาปิบาร่าใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเรา เราเองก็รู้สึกรื่นรมย์ในการใช้ชีวิต

แต่แน่นอนว่าเมืองส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบเพื่อสิ่งมีชีวิตอื่น ดังนั้นการอยู่ร่วมกับเจ้าคาปิบาร่าเองก็อาจนำไปสู่ปัญหาและความขัดแย้งได้ เช่น พวกมันอาจสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ พืชผัก รวมถึงการเกิดอุบัติเหตุซึ่งส่งผลเสียทั้งมนุษย์และสัตว์ เบื้องต้นการมีอยู่และความพยายามศึกษาพฤติกรรมของคาปิบาร่า ทำให้เราเห็นว่าเมืองก็มีสิ่งมีชีวิตอยู่ร่วมกับเรา การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การจัดการพื้นที่เพื่อรองรับพฤติกรรมและความปลอดภัยที่ไม่ได้มีแค่มนุษย์จึงเป็นประเด็นของภาพเมืองในอนาคตต่อไป

 

© scielo.br

 

คาปิบาร่าบุกหมู่บ้านหรู กรณีศึกษาจากอาร์เจนตินา

ความขัดแย้งของคาปิบาร่าและมนุษย์นั้น มีกรณีชัดเจนในช่วงปลายปี 2021 ย่านชานเมืองที่ชื่อว่า Nordelta เป็นย่านการพัฒนาที่พักอาศัยหรูของเมืองบัวโนส ไอเรส ตามรายงานข่าวระบุว่าพื้นที่พักอาศัยเผชิญกับเหล่าคาปิบาร่าที่บุกเข้ามานั่งๆ นอนๆ และเล็มสนามหญ้าของเหล่าบ้านหรู ซึ่งแน่นอนว่าการที่สนามหญ้าและสวนที่ได้รับการดูแลอย่างดีมีแขกไม่ได้รับเชิญมานั่ง นอน เล็มหญ้าและอึอยู่หน้าบ้านก็สร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าของบ้านทั้งหลาย นอกจากนั้นยังมีการแจ้งจากชาวบ้านว่าพวกมันงับสัตว์เลี้ยงและทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ชาวบ้านบางรายถึงขนาดอยากทำร้ายและฆ่าเพื่อขับไล่พวกมันซึ่งโชคดีที่ไม่มีรายงานการล่าและฆ่าพวกมันจากความขัดแย้งดังกล่าว

ปัญหาการยึดพื้นที่ของคาปิบาร่าในย่าน Nordelta เราอาจตีความว่าเป็นการยึดที่อยู่อาศัยคืนของพวกมันก็ไม่ผิดนัก ในช่วงทศวรรษก่อน 1990 พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่และพื้นที่อุดมสมบูรณ์ของคลองปานามา เป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าหนูยักษ์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มาตั้งแต่ก่อนกาล จนหลังทศวรรษดังกล่าว ทางผู้พัฒนาอสังหาได้ทำการเคลียพื้นที่และพัฒนาเป็นพื้นที่พักอาศัยเป็นชุมชนล้อมรั้วที่นับว่าเป็นกลุ่มบ้านที่มีราคาสูง

การบุกยึดสนามบ้านหรูของคาปิบาร่าในอาร์เจนติน่านั้นสัมพันธ์กับหลายปัจจัย ส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งภัยแล้งที่ทำให้แหล่งอาหารลดลง ปัญหาและไฟป่าในบริเวณป่าแอมะซอนที่ทำให้คาปิบาร่าและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อพยพออกจากพื้นที่ป่า พวกมันพาอพยพเพื่อหาที่อยู่อาศัย

 

© eleconomista.com

 

ด้วยระบบนิเวศของเมือง ทำให้วงจรตามธรรมชาติขาดลง ผู้ล่าตามธรรมชาติของคาปิบาร่าหายไปจากพื้นที่ จำนวนประชากรของพวกมันขยายตัวจนล้น และแน่นอนพวกมันกินหญ้าและไม้พุ่มเป็นอาหาร นอนเล่นในน้ำ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่สนามหญ้าของบ้านและพื่นที่ของหมู่บ้านหรูที่ผู้คนจ่ายเงินซื้อความรื่นรมย์ จะกลายเป็นที่ๆ พวกมันเลือกกลับมา

ความขัดแย้งต่อคาปิบาร่าในย่านหรูของอาร์เจนติน่านับเป็นเรื่องใหญ่ มีความขัดแย้งและความพยายามอย่างหนักในการเรียกร้องและจัดการกับเจ้าตัวปัญหาเหล่านี้ ชาวเมืองเองก็แบ่งเป็นสองฝ่าย ยังดีที่ผู้คนจำนวนน้อยเรียกร้องให้จัดการขั้นเด็ดขาดคือการย้ายเจ้าคาปิบาร่าออกไปทั้งหมด ส่วนฝ่ายที่เห็นต่างก็มองว่าคาปิบาร่าเป็นปัญหาที่เป็นส่วนปลายจากการพัฒนา มีการออกจดหมายเปิดผนึก

สุดท้ายความขัดแย้งของเจ้าคาปิบาร่านั้นได้นำไปสู่การทบทวนปัญหา และนำไปสู่ทางออกชนิดที่ ‘อยู่ตรงกลาง’ ทางภาครัฐเสนอแผนให้มนุษย์และคาปิบาร่าสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยกลมเกลียวอีกครั้ง เป็นทางออกที่เคารพซึ่งกันและกัน

 

© businessinsider.com

 

สื่งที่น่าสนใจคือในการจัดการกับเจ้าคาปิบาร่ามีความซับซ้อนและการเรียนรู้ในหลายระดับ เช่น เป้าหมายหลักของแผนการอยู่ร่วมกันนี้ ไม่ใช่การย้ายพวกมันไปยังพื้นที่ที่จัดไว้ ทางการระบุว่าการย้ายไปยังพื้นที่อนุรักษ์ในที่สุดอาจทำให้พวกมันขยายพันธุ์จนประชากรล้นเหมือนเดิมหรือในอีกทาง พวกมันเองก็อาจไม่สามารถกลับไปอยู่ในพื้นที่ธรรมชาติได้อีกต่อไป

แกนหลักของการอยู่ร่วมกันของมนุษย์และคาปิบาร่าใน Nordelta คือการจำกัดทั้งจำนวนประชากรและพื้นที่ของพวกมัน โดยมีเขตย่านเจ้าปัญหาเป็นพื้นที่หลักที่จะให้ทั้งคนและคาปิบาร่าอยู่ร่วมกันได้ ทางเมืองได้มีการจัดตั้ง ‘บัฟเฟอร์โซน’ คือจัดพื้นที่ธรรมชาติและปรับเป็นพื้นท่ีเพื่อให้เจ้าคาปิบาร่าอยู่ในบริเวณนั้นๆ มีการปล่อยให้พื้นที่ขอบเมืองกลายเป็นพื้นที่ป่ามากขึ้น เช่น การวางพื้นที่บริเวณแม่น้ำหรือทะเลสาบธรรมชาติ ปล่อยหญ้าให้เติบโตโดยไม่ตัด ปลูกต้นกกและไม้พุ่มเพื่อให้พวกมันได้อยู่อาศัย รวมถึงการประชาสัมพันธ์ว่า ถ้าเจอพวกแก๊งขาหมูเหล่านี้ ก็ขอให้เพียงอย่าไปสนใจ พวกมันเป็นสัตว์ที่ไม่ได้มีพิษภัยอะไร

การกลับมาของคาปิบาร่า ความขัดแย้งระหว่างเจ้าของบ้านและผู้บุกรุก นำไปสู่ข้อถกเถียงในมิติใหม่ๆ ของการพัฒนาของมนุษย์เรา เมืองเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ และในทางกลับกันความหลากหลายนั้นก็ให้ประโยชน์กับพวกเรา เมืองจะดูแลทุกสิ่งมีชีวิตได้อย่างไร

 

© phys.org

เจ้าคาปิบาร่าที่กลับมาทำให้เห็นปัญหาของการขาดความหลากหลายทางชีวภาพ ปัญหาความแห้งแล้ง ไฟป่า ระบบนิเวศที่ถูกทำลาย การหายไปของผู้ล่า เจ้าคาปิบาร่าบนสนามหญ้าจึงไม่ใช่แค่ภาพของความชิลที่แสนน่ารัก แต่ในหลายพื้นที่คือภาพสะท้อนของปัญหาที่เป็นผลพวงของมนุษย์เองที่กลับมาให้เราแก้ไข และอาจทำให้เราจินตนาการถึงภาพของเมืองในอนาคตรูปแบบใหม่

เป็นที่ๆ ที่เราได้เติบโตอย่างแข็งแรง ไปพร้อมๆ กับมีเจ้าพวกคาปิบาร่าเดินเล่นอยู่ในย่านอย่างปลอดภัยไปด้วยกัน

 

อ้างอิงข้อมูลจาก

academic.oup.com

time.com

bluebloodint.com

nypost.com

theguardian.com

 

Share :