CITY CRACKER

ทำความรู้จัก ‘บางนา’ ที่ไม่มีนา ทำเลอยู่อาศัยแบบ Peri-Urban Area กับการเชื่อมต่อคมนาคมและไลฟ์สไตล์คนเมืองทุกรูปแบบ ผ่านโครงการ Nue Mega Plus Bangna

ทุกวันนี้เราอาจเห็นว่าพื้นที่เมืองเดิมๆ อาจไม่ใช่พื้นที่ของการอยู่อาศัย

เราเริ่มหนีออกห่างจากเมืองมากขึ้นเพราะเมืองเริ่มเจอกับปัญหาที่คล้ายๆ กัน คือเติบโตจนแออัด หนำซ้ำยังเผชิญกับปัญหาสารพัด ตั้งแต่รถติด ฝุ่นควัน และค่าครองชีพที่ดูจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกรุงเทพฯ บ้านเราก็เจอกับปัญหานั้นจึงเริ่มให้ความสำคัญกับขยายตัวเมืองออกไปยังพื้นที่รอบๆ ให้ช่วยหลีกหนีปัญหาความวุ่นวายและใช้ชีวิตได้ช้าลง ไปจนถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในการอยู่อาศัยมากขึ้น

‘บางนา’ คือย่านที่อยู่กระเถิบตัวออกไปไม่ไกลจากตัวเมืองกรุงเทพฯ มากนัก เป็นหนึ่งพื้นที่รอยต่อของเมืองระหว่างกรุงเทพฯ และสมุทรปราการที่ยังมีความคึกคักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมไม่ต่างจาก CBD ชั้นใน แต่ก็มีความเรียบง่ายในการอยู่อาศัยแบบเมืองชั้นนอก เนื่องจากบางนาเป็นย่านที่มีที่ดินกว้างขวางจากการถือครองที่ดิน บวกกับข้อกำหนดกฏหมายในการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ถูกกำหนดมาให้ทำกิจกรรมเมืองไม่ได้สูงมาก ทำให้บางนายังคงมีความสงบ ไม่วุ่นวายจอแจ และมีความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้าที่ยังคงกระจายตัวอยู่ทั่วย่าน

ในทางกลับกันแม้ตัวย่านบางนาจะกว้างขวางและขยายตัวไปสักแค่ไหน แต่บางนาก็ยังสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในย่านได้ ไม่ต้องฝ่ารถติดเข้าไปใช้ชีวิตภายในเมืองไกลๆ และที่สำคัญคือบางนายังมีความเป็นย่านที่เฉพาะตัว เป็นพื้นที่ย่านเศรษฐกิจและแหล่งงานขนาดย่อมภายในตัวเอง มีระบบสังคมในหน่วยย่อย ที่จะช่วยสนับสนุนวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คน

ยิ่งในช่วงที่ประเทศกำลังก้าวเข้าสู่การพัฒนาระดับนานาชาติแล้ว การมีถนนสายยาวและทางด่วนที่เชื่อมต่อกับภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศอย่างสะดวกให้ได้ขนส่งเข้า-ออกกันรวดเร็วแล้วก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย ย่านบางนาที่มีถนนและทางด่วนหลากหลายสายรองรับ จึงมีความน่าสนใจมากในหมู่ของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีอาณาเขตที่เชื่อมต่อไปยังเมืองชั้นในได้ง่าย ประกอบกับเป็นทางผ่านไปยังพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แหล่งเศรษฐกิจในอนาคตระดับนานาชาติของประเทศที่กำลังพัฒนา

บางนาวันนี้จึงเป็นรอยต่อของความเจริญที่เต็มไปด้วยการลงทุนทั้งเรื่องของภาคเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นแหล่งพาณิชยกรรมขนาดใหญ่ภายในย่าน เช่น Central Bangna, Mega Bangna, Bitec Bangna และในอนาคตก็จะมี Bangkok Mall รวมไปถึงแหล่งอุตสาหกรรมและคลังสินค้า ไปจนถึงอาคารสำนักงานเจ้าใหญ่ๆ ก็เริ่มขยับขยายตัวมาตั้งถิ่นฐานที่บางนา ทำให้อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยไม่ว่าจะบ้านเดี่ยวที่มีทำเลกว้างขวาง คอนโดมิเนียมทั้ง Low rise และ High rise ต่างก็เข้ามาจับจองเพื่อรองรับผู้คนและแหล่งงานที่เริ่มมาเติบโตในย่านนี้

City Cracker จึงชวนไปสำรวจการอยู่อาศัยในย่านบางนาที่กำลังมาแรงในช่วงปีนี้ ผ่านโครงการ Nue Mega Plus Bangna หนึ่งการลงทุนเพื่อการอยู่อาศัยจาก Noble ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มการอยู่อาศัยอย่างลงตัวในย่านบางนา ด้วยรูปแบบคอนโดมิเนียมแบบ High rise สูงถึง 38 ชั้น มาพร้อมฟาซิลิตี้ 5 ชั้นที่เราจะไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ ในแถบนี้ ให้เราได้รับชมทัศนียภาพย่านอย่างกว้างขวางบวกกับการมีห้องหน้ากว้างให้เราได้เลือกหลากหลายรูปแบบ ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.4 ล้านบาท และที่สำคัญคือการที่ตัวโครงการติด Mega Bangna แบบใกล้ชิดและมีที่ดินอยู่ติดถนนใหญ่ ไม่ต้องเข้าซอย ถือว่าเป็นทำเลทองของการอยู่อาศัยที่ทำให้เราได้มีคุณภาพชีวิตดีๆ มากยิ่งขึ้นในย่านบางนา

หากสนใจรับข้อเสนอพิเศษ จองวันนี้ รับส่วนลด และของแถมX9 อย่ารอให้ใครมาจับจองไปก่อน สามารถคลิกลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ลิงก์ https://nobleurl.com/3ZEWKh4

 

‘บางนา’ ที่ไม่มีนา จากอดีตพื้นที่เกษตรกรรมของเมือง

สู่การเป็นทำเลทองแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก

ในอดีตบางนาเป็นเพียงแค่ชื่อตำบลในอำเภอพระโขนงของจังหวัดสมุทรปราการ แต่พอเริ่มมีการตั้งถิ่นฐานของชุมชนมากขึ้น รวมถึงการเป็นเส้นทางค้าขายไปยังกรุงเทพฯ ทำให้บางนาที่เป็นเพียงพื้นที่เกษตรกรรมค่อยๆ เติบโตและรวมเป็นหนึ่งกับกรุงเทพฯ โดยเริ่มจากการเป็นแขวงบางนาในเขตพระโขนง ซึ่งพอในปีพ.ศ. 2540 ที่กรุงเทพฯ เริ่มมีความเจริญและมีประชากรหนาแน่น จึงมีความจำเป็นต้องจัดการขนาดพื้นที่และจำนวนประชากรในเขตต่างๆ ให้มีความเหมาะสม บางนาจึงมีการเปลี่ยนแปลงจากแขวงบางนาเป็นเขตบางนาในเวลาต่อมา

เมื่อก่อนบางนามีกิจกรรมหลักภายในพื้นที่ก็คือ การเป็นพื้นที่เกษตรกรรม โดยเฉพาะการเป็นแหล่งปลูกข้าวพันธุ์ดีหลายพันธุ์ เช่น ข้าวขาวตาแห้ง ข้าวหอมมะลิเมล็ดยาว (ปัจจุบันได้สูญพันธ์ไปแล้ว) เนื่องจากใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยาและมีลำคลองไหลเข้ามายังพื้นที่อยู่หลายเส้น ชื่อ ‘บางนา’ จึงมีความหมายไปถึงการเป็นทางน้ำเล็กๆ ตามธรรมชาติ มีน้ำไหลขึ้นลงตามระดับน้ำในแม่น้ำลำคลอง หรือบางแหล่งที่มาก็บอกว่า บางนาเป็นชื่อเรียกของบริเวณที่ราบใช้ทำนาข้าวเป็นส่วนใหญ่ โดยคำว่า ‘บาง’ ก็มาจากชื่อตำบลหรือบ้านที่เคยอยู่ริมน้ำ ส่วน ‘นา’ ก็เป็นชื่อเรียกของที่ราบที่มีการทำคันกั้นน้ำเป็นแปลงๆ ไว้ใช้สำหรับทำการเกษตร

พอกรุงเทพฯ เริ่มเติบโตและขยายตัว ความเจริญก็เริ่มแผ่ขยายเข้ามาในบางนามากขึ้น การทำเกษตรกรรมในบริเวณย่านแห่งนี้จึงเริ่มลดน้อยถอยลง เพราะราคาที่ดินเริ่มสูงขึ้นจนเกษตรกรเริ่มสู้ไม่ไหวสวนทางกับราคาของผลผลิตที่ได้ในแต่ละปี ทำให้เศรษฐกิจในรูปแบบอื่นเริ่มเข้ามาแทนที่ บางนาจึงเริ่มเป็นทำเลของการลงทุนด้านอุตสาหกรรมและคลังสินค้าในระดับสากล เนื่องจากความเป็นรอยต่อระหว่างภูมิภาคที่ขนถ่ายสินค้าสะดวกมีทั้งระบบถนน ทางด่วน ทางน้ำ และอากาศ โดยเฉพาะการเป็นโกดังเก็บสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องยนต์ สิ่งก่อสร้าง ไปจนถึงอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ ที่จะนำมาประกอบในไทย

วันนี้บางนาจึงเริ่มไม่บางตาอีกต่อไป และกลายเป็นทำเลทองของการลงทุน ซึ่งสิ่งนี้ยังส่งผลไปถึงการลงทุนในภาคอื่นๆ อีกด้วย ประมาณว่าบางนากำลังจะถีบตัวเองให้กลายเป็นย่านที่ครบจบภายในที่เดียว คือไม่ได้มีแค่คลังสินค้า แต่เริ่มใช้พื้นที่ในการขายของและเป็นแหล่งพาณิชยกรรมไปในตัว มีพื้นที่จัดแสดงงาน รองรับการเข้ามาของนักลงทุนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งสิ่งที่เข้ามาอุ้มชูย่านนี้มากยิ่งขึ้นก็คือ พื้นที่อยู่อาศัย ยิ่งหลังการเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีเขียวในปี พ.ศ. 2540 ทำให้เหล่าผู้อยู่อาศัยที่ต้องการมีพื้นที่บ้านกว้างขวาง มีสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นขนัดเกินไป เริ่มทยอยกันเข้ามาพักอาศัยในบางนา

ปัจจุบันบางนาจึงเริ่มมีผู้อยู่อาศัยหน้าใหม่และมีอัตราการเพิ่มขึ้นของที่อยู่อาศัยในระดับที่สูงกว่าพื้นที่เขตเมืองชั้นใน เพราะปัจจุบันราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นจนหลายคนซื้อไม่ไหว บางนาย่านเมืองรอยต่อจึงเป็นตัวเลือกสำหรับการจับจองที่อยู่อาศัย ด้วยลักษณะย่านที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น มีสภาพแวดล้อมที่ดี ผนวกกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เข้ามาเติมเต็ม ทำให้พื้นที่บางนาเป็นอีกหนึ่งโซนสำคัญที่ไปสะดุดตาใครๆ หลายคน

 

บางนากับการเป็น Peri-Urban Area

รอยต่อเมืองที่ขยับขยายตัวและเติบโตแบบไม่วุ่นวาย

ทุกวันนี้เมืองเติบโตและขยายไปอย่างรวดเร็ว จนเราเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘บางนา’ ที่เรารู้จักคือโซนไหนในกรุงเทพฯ จะในเมืองก็ไม่ใช่จะนอกเมืองก็ไม่เชิง ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีรอยต่อ หรือขอบเขตอะไรมาบอกแน่ชัดว่าบางนาคือพื้นที่อะไร? แต่ในเชิงการรับรู้และความรู้สึกถึงพื้นที่นั้นๆ เป็นตัวบ่งชี้ว่าบางนาคือ ‘พื้นที่ที่มีความเป็นเมืองชั้นนอกผสมผสานกับรูปแบบกิจกรรมแบบเมืองชั้นใน’ ไม่ว่าจะผสมผสานพื้นที่เกษตรกรรมเข้ากับแหล่งงาน ผสมผสานที่อยู่อาศัยเข้ากับอาคารพาณิชย์ มีบ้านจัดสรรหลังโตๆ ที่เกิดขึ้นตามถนนสายหลัก มีพื้นที่เศรษฐกิจและพื้นที่สังคมในย่านของตัวเอง ตลอดจนการมีความจำเป็นที่ต้องอาศัยทางด่วนเพื่อเข้ามาทำงานในเมือง

โดยช่วงหลังมานี้เราจะเห็นว่าเมืองชั้นในของเรากำลังเผชิญกับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างหนักหน่วงตลอดจนค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงมีสภาพโดยรอบที่แออัดและคับแคบไม่สามารถรองรับปริมาณความเจริญและการอยู่อาศัยได้อย่างเพียงพอ และล่าสุดที่เพิ่งซบเซากันไปก็มีภาวะวิกฤตจากโควิด-19 เข้ามาทำให้เราต้องกักตัวและอาศัยกันอยู่ภายในละแวกบ้านของตัวเอง ผู้คนหลายกลุ่มจึงหันมาให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยอย่างปลอดภัยในพื้นที่เมืองชั้นนอกมากขึ้น เป็นทั้งความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยในอนาคตและหลีกหนีปัญหาที่ต้องรุมเร้าในทุกวัน รวมถึงเมืองชั้นในเองก็จะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ไปพร้อมๆ กัน

‘บางนา’ ที่มีความสามารถในการพัฒนาและกระจายความเจริญให้มีความสะดวกสบาย ปลอดภัย และเข้าถึงความต้องการขั้นพื้นฐานได้อย่างมีประสิทธภาพ โดยไม่ต้องฝ่ารถติดเข้าไปใช้ชีวิตถึงในเมือง จึงมีอัตราการเพิ่มขึ้นของที่อยู่อาศัยในระดับที่สูงกว่าพื้นที่เขตเมืองชั้นใน วันนี้บางนาเลยกลายเป็นหนึ่งย่านยุทธศาสตร์ที่มีความโดดเด่นมากในเรื่องของการเป็นทำเลรองรับการขยายตัวของเมืองไม่ว่าจะเรื่องของการอยู่อาศัยและธุรกิจของกรุงเทพฯ เลยถูกเรียกว่าโซน ‘Peri-Urban Area’ หรือการเป็นพื้นที่กึ่งเมือง เพราะบริเวณเมืองชั้นในไม่ว่าจะสยาม ราชเทวี พญาไท สีลม หรือสาทรเราจะเห็นได้ว่าย่านเหล่านี้ต่างก็ไม่มีที่ว่างหลงเหลือพอที่จะให้พัฒนาแล้ว

บางนาจึงเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดไม่ได้มีแต่ทุ่งนาและพื้นที่เกษตรกรรมอย่างเคยและเมื่อเทียบกับพื้นที่รอบนอกอื่นๆ ของกรุงเทพฯ บางนาก็นับว่ามีความเจริญที่คืบคลานเข้ามามากกว่า มีความครบครันและดึงดูดการลงทุนมาก เนื่องจากมีบริบทพื้นที่ที่เชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอื่นๆ ได้ง่ายโดยเฉพาะภาคตะวันออกของประเทศ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมนักลงทุนถึงต่างเข้ามาจับจองยังพื้นที่แห่งนี้ โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อการอยู่อาศัย เพราะทำเลบางนาสามารถเข้าออกเมืองได้สะดวก มีแหล่งงานรองรับในพื้นที่ ตลอดจนสภาพแวดล้อมของย่านยังไม่มีความเสื่อมโทรมมาก มีความเขียวขจีของพื้นที่ธรรมชาติหลงเหลืออยู่ต่างจากพื้นที่ในเมืองที่แน่นขนัดไปด้วยตึกสูงและฝุ่นควัน

 

1 ถนนสายหลัก 3 สายรถไฟฟ้า และ 2 เส้นทางด่วน

‘บางนา’ ย่านที่เชื่อมต่อเราเข้าสู่ชั้นในและกระจายสินค้าสู่เมืองชั้นนอก

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถนนและเส้นทางการคมนาคมขนส่งเป็นเสมือนเส้นเลือดที่คอยหล่อเลี้ยงและกระจายความเจริญออกไปสู่ภายนอก ทฤษฎีของ Henry George กล่าวไว้ว่า ‘Transportation opened new lands to urban use’ นั่นก็คือการสร้างถนนสายหลักและการคมนาคมจะนำไปสู่การเปิดพื้นที่ใหม่ๆ และเกิดการขยายตัวของที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็ว คอยอำนวยความสะดวกสำหรับการเข้าออกเมืองที่เป็นพื้นที่แหล่งงานและแหล่งเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะกับเมืองโตเดี่ยวอย่างกรุงเทพฯ ที่มีการขยายตัวไปยังบริเวณเมืองชั้นนอกและปริมณฑลในทุกทิศทางผ่านเส้นทางหลวงสายหลัก หนึ่งในนั้นก็คือเส้นทางถนน ‘บางนา-ตราด’ ทางหลวงหมายเลข 34 ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญของย่านบางนา มีระยะทางยาวร่วม 70 กิโลเมตร โดยมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่บริเวณสี่แยกบางนาตัดกับถนนสุขุมวิท ไปจนถึงจังหวัดชลบุรี เป็นเหมือนถนนสายหลักของการคมนาคมฝั่งตะวันออกเชื่อมระหว่างกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกอันเป็นโซนเศรษฐกิจสำคัญของประเทศในอนาคตเข้าไว้ด้วยกันและที่สำคัญยังหล่อเลี้ยงและนำพาความเจริญเข้ามาสู่ย่านบางนา

ถนนบางนา-ตราดยังเชื่อมต่อเข้ากับถนนเส้นหลักเส้นอื่นๆ ของกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็น ถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) ถนนอุดมสุข และถนนกิ่งแก้ว ซึ่งทุกสายถือเป็นถนนสายสำคัญของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ทำให้ย่านบางนาจึงเป็นย่านที่มีศักยภาพด้านการคมนาคมขนส่งไปยังพื้นที่ต่างๆ ของเมือง ไม่ว่าจะการนำคนไปยังแหล่งงานและพื้นที่พาณิชยกรรมในเมืองชั้นใน หรือการขนส่งสินค้าและบริการออกไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ

นอกจากนี้บางนายังมีทางพิเศษเฉลิมมหานคร ซึ่งสามารถเข้าสู่ใจกลาง CBD ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องลำบากใจในการเดินทาง และมีทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางด่วนบางนา-บางปะกง) ที่เชื่อมต่อกันเป็นทางยกระดับอยู่ด้านบนถนนบางนา-ตราดสามารถพาเราและสินค้าไปยังภาคตะวันออกของประเทศอย่างชลบุรี พัทยา และระยองได้ โดยมีถนนมอเตอร์เวย์ (กรุงเทพฯ-ชลบุรี) เป็นทางคู่ขนานกันไปในด้านทิศเหนือ

สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า การเลือกอยู่ในทำเลบางนาก็ยังคงเป็นที่นิยมเพราะมีรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวอยู่ในย่าน เชื่อมเราเข้ากับโซนธุรกิจใจกลางเมืองและต่อเนื่องไปยังกรุงเทพฯ โซนเหนือไปได้ยันรังสิตและปทุมธานี โดยเฉพาะพักหลังมานี้เมืองก็เริ่มเติบโตมาทางสุขุมวิทตอนปลายมากขึ้น ตั้งแต่ทองหล่อ-เอกมัยมาจนมาถึงบางนา ทำให้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทสำคัญในย่านนี้และทำให้บางนาเริ่มเติบโตพอที่จะสร้างความสมดุลระหว่างการเป็นแหล่งงานและที่อยู่อาศัย (Job and Housing Balance)

ไม่นานมานี้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองก็ได้เปิดให้บริการภายในย่านโดยวิ่งผ่านถนนศรีนครินทร์ ขนานไปกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ซึ่งในย่านบางนาก็จะอยู่ตรงช่วงจุดตัดระหว่างถนนบางนา-ตราดกับถนนศรีนครินทร์ โดยมีสถานีที่ใกล้กับตัวย่านอยู่หลายสถานีไม่ว่าจะเป็นศรีเอี่ยม หรือศรีลาซาล เป็นต้น สามารถเดินทางไปโซนบางกะปิ หรือลาดพร้าวได้โดยง่าย

ในอนาคตบางนาก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเงินเป็นรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา LRT เชื่อมต่อสุขุมวิท-บางนา-สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งถือเป็นทำเลแห่งการลงทุนและการทำธุรกิจ บางนาจึงเป็นย่านเชื่อมต่อการเดินทางทั้ง 4 ทิศทางไม่ว่าจะเหนือ ใต้ ออก หรือตก จะไปทำงานหรือไปเที่ยวสนุกย่านบางนาก็สามารถพาเราไปได้ทุกที่

 

โอบรับทุกไลฟ์สไตล์กับบางนา ย่านที่เป็นมิตรด้วยโครงสร้างพื้นฐานเมืองทุกรูปแบบ

ย่านบางนามีความโดดเด่นมากในเรื่องของการเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ในแถบเมืองชั้นนอกเมื่อเทียบกับย่านอื่นๆ โดยเป็นที่ตั้งของอาคารออฟฟิศอยู่หลายแห่ง เนื่องจากมีทำเลการเดินทางเข้า-ออกได้สะดวกประกอบกับมีที่ดินในการลงทุนที่ยังไม่ได้สูงมาก มีทั้งอาคารสำนักงานเกรด A ไปจนถึงเกรด B ไม่ว่าจะเป็น Bitec Bangna, AIA East Gateway, WHA Tower, Bhiraj Tower, Central City Tower, Bangna Tower, Ample Tower, Bangna Complex Tower, Interlink Tower, Virgo Tower, DTGO Campus หรือ Summer Lasalle เป็นต้น ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ล้วนเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าธุรกิจสูง ไม่ว่าจะเป็นโลจิสติกส์ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมยานยนต์ ตลอดจนอาหารเครื่องดื่ม หลักทรัพย์ และกองทุน

นอกจากนี้บางนายังเป็นฐานของคลังสินค้าและบริษัทอุตสาหกรรมข้ามชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีโรงงานการผลิตอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบริเวณจังหวัดสมุทรปราการ จนถึงระยอง ทำให้มีจำนวน Expat ทำงานอยู่ในย่านนี้จำนวนมาก การลงทุนเพื่อการอยู่อาศัย และพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกขึ้นมารองรับจึงเป็นเรื่องที่คุ้มค่าและน่าลงทุน

วันนี้บางนาจึงเพียบพร้อมไปด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกที่รองรับไลฟ์สไตล์คนเมืองทุกรูปแบบ เรียกได้ว่าเป็น ‘Compact City’ (เมืองกระชับ) ที่สามารถอยู่อาศัยได้ภายในย่านตัวเอง ไม่ต้องเดินทางไปพึ่งพาทรัพยากร หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในย่านอื่นๆ ไม่ว่า Shopping center หรือ Community mall อย่าง Central Plaza Bangna, Mega Bangna, Ikea, ไทวัสดุ, Little Walk Bangna, Lotus’s Bangna, Big C, SB Design Square, Chic Republic, Index Living Mall, นัมเบอร์วัน มาร์เก็ต, Foodie Market, มาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ, Decathlon, บุญถาวร, Central Village, Paradise Park และ Seacon Square

ภายในย่านยังเป็นทำเลของสถาบันการศึกษาไม่ว่าจะโรงเรียนราชวินิต บางแก้ว โรงเรียนเซนต์โยเซฟบางนา และมหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 โดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติที่มีมากกว่า 10 โรงเรียนอย่างโรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา โรงเรียนนานาชาติ D-PREP โรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียน โรงเรียนนานาชาติ RAS โรงเรียนนานาชาติ ICS โรงเรียนนานาชาติ Montessori โรงเรียนนานาชาติ Berkeley โรงเรียนนานาชาติ St.Andrews โรงเรียนนานาชาติ TSIS โรงเรียนนานาชาติกลอรีสิงคโปร์ โรงเรียนนานาชาติเวอร์โซ และโรงเรียนนานาชาติอเมริกัน

ในส่วนของโรงพยาบาลบางนาก็จะมีทั้งโรงพยาบาลบางนา โรงพยาบาลไทยนครินทร์ โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์ โรงพยาบาลศิครินทร์ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ และ โรงพยาบาลดับเบิลยูไอเอช คอยให้บริการ รวมถึงมีสวนสาธารณะสีเขียวที่คอยอุ้มชูสุขภาพทางใจเราอยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าจะสวนหลวง ร.9 หรือสวนเฉลิมพระเกียรติมหาดไทย

บางนายังมีโอกาสการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งเราจะเห็นว่ามีโครงการให้รอติดตามอีกหลายโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการที่จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพในด้านแหล่งงานและธุรกิจ ไม่ว่าจะโครงการ Bangkok Mall ของกลุ่มเดอะมอลล์ เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วยพื้นที่ค้าปลีกและอาคารออฟฟิศให้เช่า รวมไปถึงมีโครงการ The Forestias ของกลุ่ม MQDC โครงการมิกซ์ยูสที่ประกอบไปด้วยโรงแรม อาคารออฟฟิศให้เช่า พื้นที่ค้าปลีก และที่อยู่อาศัย ซึ่งโครงการนี้จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาพื้นที่ให้ผู้คนได้อยู่ใกล้ธรรมชาติและสูดอากาศบริสุทธิ์ได้มากขึ้น

 

Nue Mega Plus Bangna ขยายพื้นที่ใช้ชีวิตให้กว้างและใกล้กว่าที่เคย

ด้วยการเชื่อมต่อของย่านบางนาที่สะดวกสบายเข้าออกเมืองได้ง่ายขนส่งสินค้าก็สะดวก บวกกับมีแหล่งงานและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในย่านที่ครบครัน โอบรับการอยู่อาศัยทุกรูปแบบ ทำให้บางนาถือเป็นทำเลที่ขึ้นแท่นด้านที่อยู่อาศัยชั้นนำในพักหลัง เหมาะกับการลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะกับกลุ่ม Business traveler ที่เป็นนักเดินทาง และกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการให้ย่านบางนากลายเป็นบ้านพักหลังที่สอง เป็นสถานที่พักผ่อนโดยที่ไม่ต้องเดินทางเข้า-ออกเมือง

ทาง Noble หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้เล็งเห็นถึงคุณภาพชีวิตที่ดีภายในย่านบางนา จึงมุ่งหน้าเข้ามาพัฒนาโครงการเพื่อการอยู่อาศัยภายในย่านแห่งนี้ ผ่านโครงการ Nue Mega Plus Bangna ซึ่งโครงการนี้ก็จัดอยู่ในซีรีส์ Nue ที่เป็นซีรีส์ใหม่ เน้นการมีที่อยู่อาศัยติดห้างสรรพสินค้าและเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสบายได้เพียงไม่กี่ก้าว Nue Mega Plus Bangna จึงเป็นคอนโดที่เรียกได้ว่าห่างจาก Mega Bangna เพียง 0 เมตร เพราะมีอาณาเขตติดกับตัวห้างแบบใกล้ชิด ถือเป็นคอนโดเพียงแห่งเดียวที่มีรั้วติดกับตัวห้าง

Nue Mega Plus Bangna ยังถือเป็นคอนโดมิเนียม High Rise ไม่กี่แห่งภายในย่านที่มีความสูงถึง 38 ชั้นบนพื้นที่ขนาด 3-2-49 ไร่ ทำให้ได้จำนวนยูนิตพักอาศัยมากถึง 1,005 ยูนิต พร้อมพื้นที่จอดรถประมาณ 35% ของโครงการไม่รวมการจอดซ้อนคัน ซึ่งเราอาจไม่ได้เห็นกันบ่อยนักที่ย่านบางนาที่จะมีคอนโดมิเนียมสูงและมียูนิตพักอาศัยมากขนาดนี้

ตัวโครงการยังถูกออกแบบภายใต้แนวคิด ‘PLUS’ ชีวิตในฝัน..ให้ ‘MEGA’ กว่าใครมาให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องการผ่อนคลายในย่านเมืองชั้นนอก ด้วยการมีหน้าห้องกว้างแบบ MEGA ไซส์แต่งเฟอร์นิเจอร์ครบจบสไตล์แบรนด์ Nue ตลอดจนมีการดีไซน์ที่ PLUS ความสุข เน้นการสร้างสมดุลในการอยู่อาศัยผ่านตัวสถาปัตยกรรมอาคารไม่ว่าจะเป็น Facade ที่เน้นความนิ่งสงบด้วยเส้นดิ่งตรง สลับไปกับการมีเส้นโค้งพลิ้วไหวในพื้นที่ส่วนกลางให้เรารู้สึกได้ผ่อนคลายไปกับการทำกิจกรรมภายในโครงการ โดยมีการใช้สีโทนเหลือง น้ำตาล และเทาให้ดูอบอุ่นและกลืนไปกับตัวย่านมากที่สุด

Nue Mega Plus Bangna ยังอยู่ติดถนนใหญ่บางนา-ตราด ทำให้สามารถเดินทางเข้าออกโครงการได้อย่างสะดวก มีทั้งรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวและรถไฟฟ้าสายสีเหลืองในละแวกย่าน และในอนาคตก็กำลังจะมีรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา LRT สายสีเงินบางนา-สุวรรณภูมิตัดผ่านเข้ามายังบริเวณหน้าโครงการ วิ่งขนานไปบนเส้นถนนบางนา-ตราดเชื่อมย่านธุรกิจอย่างสุขุมวิทเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีสถานีที่ใกล้ที่สุดของโครงการก็คือ สถานีกาญจนาภิเษกคอยให้บริการอยูบริเวณหน้า Mega Bangna

และไม่ต้องกังวลไปเลยว่าในขณะที่รถไฟฟ้าสายสีเงินยังไม่เปิดให้บริการเราจะเดินทางกันยังไง ถ้าเราไม่มีรถโดยสารส่วนตัว เพราะภายในห้าง Mega Bangna ยังมี Mega Terminal เป็นสถานีบริการสำหรับรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถประจำทาง แท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง รวมไปถึงมี Shuttle Bus ของ Mega Bangna คอยให้บริการฟรีไปได้ถึง BTS อุดมสุข

 

จากพื้นสู่เส้นขอบฟ้ากับพื้นที่ส่วนกลางคอนโดที่ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมคนเมือง

Nue Mega Plus Bangna ยังมาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางที่ทันสมัยและหลากหลายที่สุดในย่านบางนา โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากถึง 5 ชั้นกว่า 38 ฟังก์ชั่นการใช้งาน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง โดนใจทั้งสาย Introvert & Extrovert ภายใต้แนวคิด ‘ให้ทุกวันเป็นวันพักผ่อนอย่างแท้จริง’ ถือเป็นคอนเซปต์ของคอนโดมิเนียมแบรนด์ Nue ที่มีจุดเด่นคือเรื่องของ Facility

เริ่มที่ชั้น G กับ Greenery & Sensory Park สวนพักผ่อนขนาดใหญ่ด้านหน้าโครงการ ที่ช่วยสร้างบรรยากาศสงบร่มรื่น ให้เราได้หลีกหนีจากความวุ่นวายและพาตัวเองกลับมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ โดยมี Garden Pavilion ที่มีดีไซน์โดดเด่นพลิ้วไหว เชิญชวนให้เรามานั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจบวกกับมี Active Trail และ Greenery Lane ให้เราได้เดินจ็อกกิ้งเบาๆ สูดลมหายใจได้เต็มปอด

พอเข้ามาด้านในก็จะพบกับ Lobby & Co-Hall ที่โดดเด่นด้วยเส้นสายไดนามิกโค้งมน สะท้อนผ่านผนังกระจกบานใหญ่ที่เชื่อมพื้นที่จากภายในสู่ภายนอกให้สามารถนั่งคุยงาน นัดลูกค้า และเป็นพื้นที่ต้อนรับแขกคนสำคัญได้ ซึ่งจาก Lobby & Co-Hall จะสามารถเชื่อมต่อไปยัง Smart Locker & Mail Room นวัตกรรมใหม่จากโครงการที่ให้ลูกบ้านได้รับพัสดุ-จดหมายได้สะดวกสบายตลอด 24 ชม. ทั้งยังมี Nue Grab & Go Station ห้องรับ-ส่งอาหาร Delivery โดยเฉพาะให้ลูกบ้านรับ-ส่งอาหารได้อย่างปลอดภัยผ่านเครื่อง UV Sterilizer ที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อตอบรับกับวิถีชีวิต New Normal

ต่อมาที่ชั้น 7 กับ ฺBreeze Court สวนขนาดใหญ่ระดับท้องฟ้าที่ถูกออกแบบมาให้ลูกบ้านได้สูดอากาศบริสุทธิ์ พร้อมสัมผัสกับลมโชยอ่อนๆ ตลอดจนสามารถมาหลบมุมเอนกาย ผ่อนคลายอ่านหนังสือกับ Readery Deck ซึ่งหากใครจะเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจก็มี Secret Balcony ที่อยู่อีกฝั่งของ Breeze Court เป็นทางเดินส่วนตัวที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้

ในส่วนของชั้น 37 เราก็จะพบกับ The Cloud Caterier Club จุดนัดพบของสายปาร์ตี้ที่มีกิจกรรมให้ทำมากมายผ่านพื้นที่ส่วนกลางของโครงการไม่ว่าจะ Sky Lounge, Game Room, Co-Kitchen & Bar และ Private Dining ในมุมแบบส่วนตัวให้ได้รับทัศนียภาพพระอาทิตย์ตกจากชั้น 37

นอกจากนี้บนชั้น 37 ยังมี Skyview Blu Lagoon หรือสระว่ายน้ำลอยฟ้าหนึ่งเดียวภายในย่าน โดยสระนี้เป็นสระแบบ Infinity Edge Pool ระดับเดียวกับเส้นขอบฟ้าให้ว่ายน้ำออกกำลังกายได้เต็มที่ ซึ่งหากใครจะแช่น้ำสบายๆ ก็มีสระน้ำตื้นอย่าง Shallow Pool ในขณะเดียวกันก็มีสระ Jacuzzi Pool ให้นั่งแช่กายรับแสงแรกของวันพร้อมรับชมทัศนียภาพวิวเมืองได้อย่างเต็มที่ มี Pool Terrace แบบ Semi-Outdoor ให้นั่งทิ้งตัวบน Daybed ได้อย่างผ่อนคลาย ที่สำคัญโครงการยังมี Kinder Pool ที่แบ่งโซนชัดเจนให้เด็กๆ เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน

ทางฝั่งทิศใต้ก็ยังมี Sit n Chill Terrace เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ถูกรังสรรค์ผ่านความร่มรื่นของสนามหญ้าและต้นไม้ใหญ่ให้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพของเมือง มี Kids Play Scape ให้เด็กๆ ได้เล่นท่ามกลางพื้นที่สีเขียว พร้อมกันนั้นเหนือสระว่ายน้ำขึ้นไปก็มี Sunset View Deck พื้นที่สวนแนวยาวที่มาพร้อมจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกและมองเห็นวิวเมืองได้กว้างแบบ 360 องศา ให้เราได้ปล่อยใจไปกับสายลมในตอนช่วงเย็นๆ รวมถึงในชั้นยังมี Sky Mega Gymnasium ให้เราได้เพิ่มพลังกาย ปลดปล่อยความรู้สึก และสนุกไปกับเครื่องเล่นที่ทันสมัยครบครัน

พอมาชั้น 38 ชั้นนี้จะเป็นพื้นที่ของการทำงาน ซึ่งต้องการความเงียบสงบไม่ว่าจะเป็น Co-Creative Space พื้นที่ทำงานในบรรยากาศที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้ได้หาไอเดียใหม่ๆ ผ่านการเปิดรับมุมมองวิวเมือง หรือจะหลบมุมทำงานแบบส่วนตัวในส่วนนี้ก็มีห้อง Tutoring Room เช่นกัน นอกจากนี้ในชั้นยังมีห้อง Sky Forum ที่มีชุดโต๊ะทำงานและโซฟารับรองแขกให้เราไม่ต้องออกไปออฟฟิศ สามารถเข้ามาประชุมออนไลน์ได้

ในส่วนของการผ่อนคลายชั้น 38 ก็จะมี Cinema Studio โรงภาพยนตร์ส่วนตัวที่ให้ความรู้สึกเหมือนโรงใหญ่พร้อมเครื่องเสียงคุณภาพ และโซน Skyview Retreat มุมผ่อนคลายในบรรยากาศส่วนตัวที่โอบล้อมด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามของเมือง

สุดท้ายชั้นดาดฟ้า โครงการก็จะมี Rooftop Greenscape จะเป็นมุมสงบบนชั้นสูงสุดของโครงการ ให้ร่มเงาของต้นไม้ช่วยเราได้อยู่กับตัวเอง ชาร์จพลัง และเติมความสดใสให้กับร่างกาย

 

Plus+ ความสุขด้วยขนาดห้องที่ Plus+ มากขึ้น

Nue Mega Plus Bangna สามารถสร้างคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยได้พลัสมากขึ้น ผ่านขนาดห้อง หน้ากว้างและหลากหลายกว่าคอนโดไหนๆ พร้อมตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ครบจะอยู่คนเดียว อยู่ 2 คน หรืออยู่เป็นครอบครัวก็เลือกได้ โดยรูปแบบห้องพักสามารถแบ่งออกเป็นหลักๆ ได้ 6 รูปแบบ ซึ่งทุกรูปแบบก็จะมีดีไซน์ที่มินิมอลและมีห้องหน้ากว้างเหมือนกัน โดยโครงการจะเริ่มพื้นที่พักอาศัยตั้งแต่ชั้น 7 เป็นต้นไปจนถึงชั้น 36 เพื่อให้ทุกยูนิตสามารถรับชมวิวเมืองได้อย่างทั่วถึง

มาที่ตัวแรกกับห้อง Studio ขนาด 21-22 ตร.ม. เป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการที่อยู่คนเดียวได้สบายๆ โดยมีครัวแยกมาด้วยและสามารถใช้ส่วนกลางได้เหมือนห้องแบบอื่นๆ ห้อง Studio จึงเหมาะกับการลงทุนแล้วปล่อยเช่า หรือเหมาะกับการเป็นบ้านพักหลังที่ 2

ต่อมาคือห้อง 1 Bedroom ไซส์ M ที่มีขนาด 26-29 ตร.ม. รูปแบบห้องนี้เหมาะกับคนอยู่ 1-2 คนที่อยากได้ห้อง 1 Bedroom หน้ากว้างแต่ไม่ใช่ห้องสไตล์ Studio และก็อยากรวมเอาโซนนั่งเล่นกับครัวเข้ามาไว้ด้วยกัน ห้องนี้เหมาะกับคนที่ต้องการได้ห้อง 1 Bedroom แต่ไม่ต้องการจ่ายค่าส่วนกลางที่สูง

ในไซส์ใกล้กันๆ ก็จะมี 1 Bedroom ไซส์ L ที่มีขนาด 30-34 ตร.ม. เหมาะกับคนอยู่ 1-2 คนเช่นกัน แต่ไซส์นี้จะอยู่สบายมากขึ้นเพราะมีหน้าที่กว้างขึ้นและห้องนอนก็มีผนังกั้นเพื่อคามเป็นส่วนตัว บวกกับมีห้องครัวแยกออกมา ซึ่งแตกต่างจากคอนโดอื่นๆ ที่เป็นห้องทรงแคบและกั้นห้องนอนแค่กระจกบานเลื่อนเท่านั้น

ส่วน 1 Bedroom แบบสุดท้ายจะเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ที่กว้างถึง 34-44 ตร.ม ซึ่งกว้างกว่าคอนโดอื่นๆ ที่เป็น 1 Bedroom เหมือนกัน เพราะขนาดห้องเหมือนได้ห้อง 2 Bedroom โดยรูปแบบนี้ถือเป็นลักษณะสำคัญของแบรนด์ Nue ที่ถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่อยากใช้ชีวิตแบบกว้างขวางกว่าเคย

ในส่วนต่อมาก็คือห้องแบบ 2 Bedroom ที่มีขนาด 45 ตร.ม ห้องประเภทนี้จะตอบโจทย์สำหรับกลุ่มครอบครัวที่อยากได้พื้นที่กว้างขึ้นและมีห้องแยกเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวในครอบครัว โดยมีจุดเด่นที่ห้องน้ำ 2 ห้อง ห้องน้ำกลาง 1 และในห้องนอนหลักอีก 1 รวมถึงมีพื้นที่กิจกรรมในห้องที่กว้างขวางให้ครอบครัวได้มาใช้พื้นที่ร่วมกัน

สุดท้ายกับห้องขนาดใหญ่ที่ไม่เหมือนใครอย่าง 2 Bedroom Plus ที่ขนาดใหญ่ถึง 66 ตารางเมตร พักได้ทั้งครอบครัว ห้องนี้เป็นห้องรูปแบบใหม่ของแบรนด์ Nue ผ่านการออกแบบให้เหมือนเป็นบ้านจริงๆ คือมี 2+1 ห้องนอน ซึ่งห้องรูปแบบนี้มีจำนวนจำกัด เพราะมีเพียง 15 ยูนิต และอยู่เฉพาะบนชั้น 22-36 เท่านั้น

 

ใช้ชีวิตแบบไลฟ์สไตล์คนเมืองผ่าน Nue Mega Plus Bangna

Nue Mega Plus Bangna จะกลายเป็นคอนโดมิเนียมยุคใหม่ที่เข้ามาตอบโจทย์การอยู่อาศัยในย่านเมืองชั้นนอกถึงขีดสุด เพราะอยู่ท่ามกลางชุมชน ห้างสรรพสินค้า และแหล่งงานที่สมบูรณ์ที่สุดของบางนา ตลอดจนมีความสามารถเชื่อมต่อเข้าออกเมืองได้ง่ายขนส่งสินค้าก็สะดวก ไปได้ยังภาคตะวันออกของประเทศ พื้นที่ EEC และสนามบินสุวรรณภูมิ ถือเป็นย่านธุรกิจภาคอุตสาหกรรมในอนาคตที่กำลังก่อตัวขึ้น ดึงดูดการลงทุนและเข้ามาจับจองทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ผู้อยู่อาศัยและผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาว

โครงการนี้จึงถือเป็นโครงการที่ถูกพัฒนามาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีบนพื้นฐานของการเป็นไลฟ์สไตล์คนเมือง พร้อมให้เราได้ดื่มด่ำกับทิวทัศน์รอบย่านถึง 360 องศาจากการเป็นอาคารสูงถึง 38 ชั้นไม่ว่าจะห้องที่เราอยู่ หรือส่วนกลางก็ถือว่าได้รับวิวกันอย่างเต็มที่

และที่สำคัญสุดๆ คือราคายังถือว่าเป็นมิตรและคุ้มค่ามาก เริ่ม 2.4 ล้านบาท หากสนใจรับข้อเสนอพิเศษ จองวันนี้ รับส่วนลด และของแถมX9 อย่ารอให้ใครมาจับจองไปก่อน สามารถคลิกลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่ลิงก์ https://nobleurl.com/3ZEWKh4

 

Share :