CITY CRACKER

เมื่อโรงงานเป็นบ้านของชุมชน 3 ค่าย 10 เมือง โปรเจกต์พัฒนาเยาวชน ชุมชน และองค์กรให้เติบโตไปพร้อมๆ กัน

การพัฒนาเมืองทุกวันนี้ อาจไม่ใช่แค่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น แต่เราทุกคนสามารถร่วมมือกันเพื่อสร้างสังคมนี้ให้เติบโตและร่วมเรียนรู้ไปพร้อมกันได้

หนึ่งในแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาเมืองนั่นก็คือ คนในพื้นที่ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ถ้าพวกเขาได้เข้าถึงโอกาสในการเรียนรู้ได้พัฒนาศักยภาพ รวมถึงได้อยู่ในชุมชนที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุข พวกเขาจะเติบโตได้ด้วยตัวเองและก้าวขึ้นมาเป็นอนาคตที่ดีของประเทศ เด็กและเยาวชนถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการพัฒนาเมือง การเพิ่มโอกาสการเรียนรู้และการเปิดพื้นที่ให้พวกเขาได้ค้นพบศักยภาพของตัวเองอย่างมีความสุข เป็นแนวทางที่ บจ.บุญรอดบริวเวอรี่ และบริษัทในเครือ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด

หนึ่งในกิจกรรมที่จัดต่อเนื่องกว่า 12 ปี และประสบความสำเร็จในการปลุกปั้นเด็กและเยาวชนทั่วประเทศให้ค้นพบตัวเองและต่อยอดความสามารถมาแล้วหลายรุ่น นั่นก็คือ “สิงห์ ซัมเมอร์แคมป์” ที่เป็นมากกว่าแคมป์ที่ให้เด็กๆมาใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอม เพราะทางบุญรอดฯได้ระดมทรัพยากรและเครือข่ายที่มีประสบการณ์ในด้านต่างๆ อย่าง เครือข่ายนักศึกษา เครือข่ายครูอาสาชาวต่างชาติ ปราชญ์ชาวบ้าน และนักกีฬาระดับประเทศ มาให้ความรู้ ความสนุกสนาน และชี้แนะแนวทางให้ค้นพบความสามารถของตัวเอง ผ่าน 3 ค่ายหลัก คือ Chinese – English Camp, Art Camp และ Sport Camp เพื่อนำไปต่อยอดสู่ความสำเร็จในอนาคต

นอกจากนี้ บุญรอดฯ และบริษัทในเครือยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กและเยาวชนในด้านอื่นๆ อย่างเช่น การให้โอกาสทางการศึกษาผ่านทุนบุญรอดฯ ให้กับนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรี ที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ ใน 22 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ การให้ทุนอาหารกลางวันแก่โรงเรียนที่ขาดแคลนในจังหวัดภาคเหนือ รวมถึงการสนับสนุนให้เยาวชนตระหนักถึงการทำประโยชน์ให้กับชุมชนและปัญหาสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการสิงห์อาสา เพื่อให้พวกเขารู้สึกรักและหวงแหนในพื้นที่บ้านเกิด และอยากจะพัฒนาตัวเองเพื่อกลับมาดูแลให้ชุมชนของพวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขอย่างยั่งยืน

10 โรงงานในเครือบุญรอดฯ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ไม่ได้มีหน้าที่แค่ผลิตสินค้าเพื่อผลักดันภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังมีความตั้งใจจะเป็นพลเมืองที่ดี ที่อยากมีส่วนร่วมพัฒนาคนและชุมชนในพื้นที่ที่โรงงานเครือบุญรอดฯตั้งอยู่ รวมถึงการขยายไปในพื้นที่ข้างเคียงอย่างต่อเนื่อง ผ่านหลักคิด “องค์กร ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน” ซึ่งบริษัทในเครือบุญรอดฯได้สานต่อหลักคิด ด้วยการเข้าไปสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาในพื้นที่ และใช้พื้นที่ของโรงงานเป็นจุดศูนย์กลางให้ชาวบ้านและชุมชนเข้ามาใช้ประโยชน์ ทั้งเรื่องการเรียนรู้ การส่งเสริมอาชีพ การดูแลสิ่งแวดล้อม รวมถึงการช่วยเหลือในกรณีเกิดภัยพิบัติต่างๆ  เมื่อชาวบ้านรับรู้ถึงความจริงใจ พวกเขาก็จะเกิดความใว้วางใจและพร้อมเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนอย่างมีความสุข

City Cracker ชวนดูแนวทางการพัฒนาคนโดยเฉพาะเรื่องของเด็กและเยาวชน ที่ทางบุญรอดฯ และบริษัทในเครือฯ ได้ทำให้ชุมชนมีความสุขและร่วมเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

 

จากโรงงานสู่พื้นที่แห่งการเรียนรู้นอกห้องเรียน

แน่นอนว่าการทำงานไม่มีปิดเทอม แต่โรงงานในเครือบุญรอดฯ ทั่วประเทศนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและบริเวณรอบๆ ในช่วงปิดเทอม จึงส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาเยาวชน ด้วยการจัดกิจกรรม Singha Summer Camp เปิดพื้นที่ให้เด็กๆจากชุมชนรอบๆ พื้นที่ ได้เข้ามาเรียนรู้และเล่นสนุกไปด้วยกัน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่านรูปแบบการเรียนรู้นอกห้องเรียน ได้ลงมือทำ เน้นความสนุก และความสุขของผู้เรียน พร้อมใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ในแต่ละปีก็จะมีทั้งหมด 3 ค่ายให้เด็กๆ เลือกเรียน คือ ค่ายภาษา ค่ายศิลปะ และค่ายกีฬา ทำให้ช่วงปิดเทอมนั้นโรงงานจะคึกคักไปด้วยเด็กๆ ที่มาร่วมกิจกรรมจำนวนกว่า 1,000 คนทั่วประเทศ นับเป็นโครงการที่สร้างสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและชุมชนรอบๆ ได้เป็นอย่างดี โดยโครงการนี้เป็นกิจกรรมที่จัดต่อเนื่องมาถึง 12 ปีแล้ว

 

ศูนย์กลางการเชื่อมต่อเครือข่ายเพื่อส่งต่อองค์ความรู้

ในการจัดกิจกรรมของโรงงานในเครือบุญรอดฯ จะไม่สำเร็จไปได้ด้วยดี หากปราศจากการมีเครือข่ายที่เข้มแข็ง ทั้งเครือข่ายมหาวิทยาลัย ชุมชน รอบๆ ไปจนถึงปราชญ์ชาวบ้าน ที่ต่างคนต่างมีความรู้ความเชี่ยวชาญในศาสตร์ที่ต่างกัน บุญรอดฯ จึงทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการดึงเครือข่ายมาเชื่อมต่อกัน ทั้งการร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏ 8 สถาบัน ส่งนักศึกษาจากคณะครุศาสตร์ มาเข้าร่วมในฐานะพี่เลี้ยงของกิจกรรม เพื่อนำทักษะด้านการเป็นครูมาใช้ในเรียนการสอน และดูแลเด็กๆ ตลอดโครงการ ตลอดจนนำเครือข่ายที่สิงห์มี เช่น นักกีฬาชื่อดัง อาทิ น้องเมย์ – รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันอันดับ 7 ของโลก, สมจิตร จงจอหอ นักมวยฮีโร เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก, สมาคมกีฬาเทควันโด โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด ขัวศิลปะ จ.เชียงราย และปราชญ์ชาวบ้าน เข้ามาสอนเยาวชน

 

เรียนรู้ภูมิปัญญากับห้องเรียน 4 ภาค 3 ค่ายที่ช่วยส่งต่อวัฒนธรรมท้องถิ่น

หนึ่งสิ่งที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตกับคนไทยมาโดยตลอดก็คือ มรดกทางวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และความเชื่อในท้องถิ่นา บริษัทในเครือจึงไม่ลืมที่จะหยิบเอาเรื่องราวความสวยงามทางวัฒนธรรมในแต่ละท้องถิ่นมาประยุกต์ในการเรียนการสอนและปลูกฝังเยาวชน เพื่อให้เยาวชน รู้สึกรักและภูมิใจในบ้านเกิดของตน และอยากที่จะสืบสานสิ่งดีงามเหล่านี้ให้อยู่คู่ชุมชนหรือท้องถิ่นของพวกเขาต่อไป อย่างเช่นที่ จ.สิงห์บุรี บริษัท บุญรอดเอเซียเบเวอเรช จำกัด ได้พาเด็กๆ มาเรียนรู้เรื่องการทำนาปลูกข้าวและทำปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตชาวนาแบบดั้งเดิมอันเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวสิงห์บุรี ณ บริเวณแปลงนาด้านหน้าบริษัท หรือศูนย์การเรียนรู้เรื่องการปลูกข้าวของสิงห์บุรี โดยได้ครูแอน – รังสรรค์ บุญมาแคน และครูโอม – กิตติวัลย์ ทองอร่าม สองผู้เชี่ยวชาญเรื่องสวนเกษตรอินทรีย์ หรือปราชญ์ชาวบ้านแห่งสิงห์บุรี มาช่วยส่งต่อองความรู้ภูมิปัญญาของการปลูกข้าวแบบดั้งเดิมที่ชาวสิงห์บุรีได้สืบทอดและรักษากันมากว่าร้อยปีให้กับเด็กๆ โดยสิ่งที่สอนไม่ใช่แค่รู้วิธีการปลูก เก็บเกี่ยว และนำไปขาย แต่รู้ไปถึงเรื่องราวที่ล้วนสะท้อนถึง​วิถีชีวิต ความเชื่อ ความผูกพันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ

ในส่วนของ บริษัท สุราษฎร์ธานีเบเวอเรช จำกัด ก็ได้ชักชวน อาจารย์สุรัติ เพชรพริ้ม ผู้สืบสานตำนานมวยไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และครูเซฟ ร่อเฟด ละอาด ครูมวยไชยา มาสอนมวยไชยา มรดกทางวัฒนธรรมของสุราษฎร์ เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ประวัติมวยไชยาและฝึกฝนท่วงท่าที่สวยงามต่างๆ ของมวยไชยา และได้วิชาป้องกันตัวติดตัวกลับบ้าน

ส่วนที่ภาคเหนือ สิงห์ปาร์คเชียงราย จ.เชียงราย ได้ชักชวนทีมขัวศิลปะ กลุ่มศิลปินในเชียงราย มาช่วยเสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ให้กับเยาวชน พร้อมชวนกลุ่มครูอาสาชาวต่างชาติในจังหวัดเชียงราย มาสอนภาษาอังกฤษและทำกิจกรรมร่วมกับเด็กๆ ในพื้นที่

สุดท้ายที่ภาคอีสานกับ จ.ขอนแก่น บริษัท ขอนแก่นบริวเวอรี่ จำกัด ได้ชักชวน สมจิตร จงจอหอ นักมวยฮีโร่ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกมาร่วมเป็นพี่เลี้ยงถ่ายทอดเคล็ดลับวิชามวยให้กับเด็กๆ เพื่อสร้างเสริมทักษะและพละกำลังกายๆ ให้กับเยาวชนในพื้นที่

ห้องเรียน 4 ภาค ผ่าน 3 ค่าย ทั้ง ภาษา ศิลปะ และกีฬานี้ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ เกิดความรู้สึกรัก มุ่งมั่นเดินตามฝัน และรู้สึกภูมิใจในท้องถิ่นของตัวเอง ตลอนจนสร้างความสุขและเชื่อมสัมพันธ์ให้ผู้คนในชุมชนและองค์กรเติบโตไปพร้อมกัน ตามแนวคิดหลักขององค์กรที่ว่า ‘องค์กร ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ต้องอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน’

 

 ปลูกฝังให้เยาวชนเรียนรู้ เติบโต และอยู่ร่วมกับธรรมชาติ

นอกเหนือจากการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างรอบด้านแล้ว บริษัทในเครือบุญรอดฯ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างจิตสำนึกในการมีส่วนร่วมดูแลรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกคนรู้สึกรัก หวงแหน และอยากจะปกป้องพื้นที่หรือจังหวัดของตน โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาภายในพื้นที่ จัดโครงการด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ มากมาย

เช่น ในภาคเหนือ มีโครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่าในภาคเหนือ เพื่อเฝ้าระวังและลดปัญหาฝุ่นควันที่เกิดจากปัญหาไฟป่า โดยอบรมการทำแนวกันไฟ ถ่ายทอดองค์ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบ การควบคุม และการป้องกันไฟป่าอย่างถูกต้องให้แก่เยาวชน นักศึกษา และชาวบ้าน

ในภาคใต้และภาคตะวันออก มีโครงการสิงห์อาสาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล เพื่ออนุรักษ์ผืนทะเลไทยผ่านการดูแลแปลงหญ้าทะเลผืนใหญ่ที่สุดของฝั่งอ่าวไทย เพื่อให้เยาวชนได้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเล และร่วมกันอนุรักษ์ ดูแล และแก้ไขอย่างยั่งยืน ส่วนในภาคอีสาน ก็ได้ผนึกเครือข่ายกับนักศึกษาในท้องถิ่น รวมพลังกันออกมาสร้างบ่อน้ำอย่างยั่งยืน แจกจ่ายน้ำสะอาดให้กับชาวบ้าน และติดตั้งธนาคารน้ำสิงห์ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านให้มีน้ำอุปโภค บริโภค ทั้งในช่วงหน้าสภาวะปกติและวิกฤติแล้ง

 

โรงงาน-ชุมชนดูแลและเติบโตไปพร้อมกัน

นี่จึงอาจจะกล่าวได้ว่าการที่บริษัทในเครือบุญรอดฯ นั้นกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ไม่ใช่เพียงวิสัยทัศน์ในการสร้างการเติบโตหรือขยายฐานการผลิตเพียงเท่านั้น แต่ยังต้องการให้การมีอยู่ของบริษัทในทุกพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคได้สร้างประโยชน์ต่อชุมชน เกิดการเกื้อกูลกันบนพื้นฐานของการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี และเกิดการพัฒนาคนให้มีคุณภาพ พร้อมขับเคลื่อนการดูแลสังคมอย่างยั่งยืน เพื่อให้การอยู่ร่วมกันของทั้งองค์กรและชุมชน สามารถสร้างความสุขและพัฒนาเมืองหรือสังคมของเราให้ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน

 

 

 

Share :